คนใต้มีเฮ โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เปิดตัววัคซีนไข้เลือดออก ป้องกันไข้4สายพันธุ์


12 ม.ค. 2560

โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เปิดตัววัคซีนไข้เลือดออก ลดความสูญเสียจากไข้เลือดออก  ป้องกันไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์

วานนี้(11 มกราคม 2560) ที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ มีการจัดงานงานเปิดตัววัคซีนไข้เลือดออก และ เสวนาความรู้ โดยมีนายแพทย์อรุณ กิจมหาตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย รศ.นพ.สืบสาย  กฤษณะพันธุ์ อายุรกรรมแพทย์โรคติดเชื้อ ศูนย์วัคซีน โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ งานนี้ มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

730A0697.jpg

ปี2559 ประเทศไทยมีผู้ป่วยไข้เลือดออกกว่า 6 หมื่นรายและจังหวัดสงขลามีผู้ป่วยกว่า 5 พันรายติดอับดับ 2 ของประเทศ สิ้นสุดการรอคอยเสียทีกับ“วัคซีนไข้เลือดออก” ณ “โรคไข้เลือดออก” เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดอายุ เพศ ถือเป็นปัญหาทั้งประเทศไทยและทั่วโลก จึงให้ความสำคัญการป้องกัน โดยองค์การอนามัยโลกประมาณการว่ามีประชากรประมาณ 3,900 ล้านคน อาศัยอยู่ในเขตที่มีการระบาดของเชื้อ แต่ละปีมีประชากรติดเชื้อไข้เลือดออก 390 ล้านคน มีอาการจากการติดเชื้อ 96 ล้านคน นอนโรงพยาบาล 500,000 คน และเสียชีวิตประมาณ 2.5%

แน่นอนว่าโรคนี้สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม โดยจากข้อมูลของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2559 ประเทศไทยพบมีผู้ป่วยกว่า 60,000 ราย จังหวัดสงขลากว่า    5,000 ราย พบมีอัตราตาย 0.71ต่อประชากรแสนคน ทำให้จังหวัดสงขลามีผู้ป่วยไข้เลือดออกมากเป็นอันดับที่2 ของประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้อที่มีอาการต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก จึงเป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

รศ.นพ.สืบสาย  กฤษณะพันธุ์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ ศูนย์วัคซีน โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ให้ความรู้ว่า เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกเดงกี่มีอยู่ 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วยสายพันธุ์ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4   ซึ่ง“วัคซีนไข้เลือดออก” นี้รวมทั้ง4สายพันธุ์ให้อยู่ในเข็มเดียวกัน ถือเป็นนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นจากความร่วมมือของหลายประเทศ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 65.6% ,    มีประสิทธิภาพลดความรุนแรงของโรคได้ 93.2% และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80.8% สามารถฉีดได้ในกลุ่มอายุ 9-45 ปี และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก สำหรับข้อห้ามนั้นไม่ควรฉีด แก่สตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร  ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือได้รับยา   กดภูมิคุ้มกันเช่นสเตียรอยด์ในขนาดสูงหรือเคมีบำบัด หรือมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนี้ รวมถึง ผู้ที่มีไข้สูงหรือกำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดี

การฉีดวัคซีนไข้เลือดออกจะฉีดเข้าไปที่ใต้ผิวหนัง 3 ครั้งๆละ 0.5 มล. โดยฉีดห่างกันครั้งละ 6 เดือน อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดได้แก่ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ ผิวหนังแดง ห้อเลือด บวม และคัน แต่อาการดังกล่าวเป็นชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 3 วันหลังจากฉีดวัคซีน

สุดท้ายเมื่อเราฉีดครบ 3 เข็มแล้วจะสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ตลอดชีวิตหรือไม่นั้นต้องมี   การติดตามผลกันต่อไป เพราะ “วัคซีนไข้เลือดออก” เพิ่งจะผลิตมาใช้ได้ประมาณ4-5ปี เริ่มใช้ในคนทั่วไปเพียงปีเศษๆ สำหรับในประเทศไทยเพิ่งได้รับอนุมัติเมื่อปลายปี2559  เชื่อว่าน่าจะช่วยลดความสูญเสียจากไข้เลือดออกได้มากขึ้น

IMG_1000.JPG

นายแพทย์อรุณ กิจมหาตระกูล

IMG_1016.JPG

รศ.นพ.สืบสาย  กฤษณะพันธุ์

IMG_0991.JPG15994640_1322006494504895_7586563843466579992_o.jpg15974942_1322006901171521_9048589106435024293_o.jpgIMG_1029.JPGIMG_1023.JPGIMG_0966.JPGIMG_0971.JPGIMG_1031.JPG