สคร.12 สงขลาแนะ นำบุตรหลานรับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบ หลังพบผู้เสียชีวิต


28 ก.พ. 2560

สคร.12 สงขลา  แนะ นำบุตรหลานรับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบ หลังปีนี้ใต้ตอนล่างพบเสียชีวิตแล้ว 1 ราย

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา แนะพ่อ แม่ ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบตามกำหนด เผยปี 2560 พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างพบผู้ป่วยด้วยโรคหัดแล้วกว่า 200 ราย เสียชีวิต 1 ราย

banner.jpg

ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล  ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกลุ่มระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -24 กุมภาพันธ์ 2560 พบว่าในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สตูล พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีผู้ป่วยด้วยโรคหัดแล้วจำนวน 220 ราย เสียชีวิต 1 ราย จึงขอเชิญชวนให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบตามกำหนด ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่อเด็กอายุ 2 ปี ครึ่ง  โดยให้ในรูปของวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน

โรคหัด เป็นโรคไข้ออกผื่น พบได้ทุกวัย และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก อายุ 1-6 ปี เกิดจากเชื้อไวรัส Measles ซึ่งพบได้ในจมูกและลำคอของผู้ป่วย ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด เชื้อไวรัสจะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศเมื่อหายใจเอาละอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าไปก็ทำให้เป็นโรคได้ ถ้าไม่มีภูมิต้านทาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และปัจจุบันพบผู้ป่วยเป็นเด็กที่มีอายุ 5 ปี ขึ้นไป  มากขึ้น นอกจากนี้โรคหัดยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้

อาการของโรคหัด เริ่มด้วยมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะและกลัวแสง อาการต่างๆ       จะมากขึ้นพร้อมกับไข้สูงขึ้น และจะสูงขึ้นเต็มที่เมื่อมีผื่นขึ้นในวันที่ 4 ลักษณะผื่นนูนแดงติดกันเป็นปื้นๆ โดยจะขึ้นที่หน้า บริเวณชิดขอบผม แผ่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา เมื่อผื่นแพร่กระจายไปทั่วตัว ซึ่งกินเวลาประมาณ 2-3 วัน ไข้ก็จะเริ่มลดลง ผื่นระยะแรกมีสีแดงจะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีแดงคล้ำ หรือน้ำตาลแดง บางครั้งจะพบผิวหนังลอกเป็นขุย  การตรวจในระยะ 1-2 วัน ก่อนผื่นขึ้นจะพบจุดขาวๆ เล็กๆ มีขอบสีแดงๆ อยู่ในกระพุ้งแก้ม จะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ก่อนที่จะมีผื่นขึ้น อาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมากโดยเฉพาะในเด็กเล็กคือ หูส่วนกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ สมองอักเสบ อุจจาระร่วง พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 ราย ซึ่งจะทำให้มีความพิการเหลืออยู่ ถ้าไม่เสียชีวิต

การป้องกันโรคหัดนอกจากการรับวัคซีนป้องกันโรคให้ครบตามกำหนดแล้ว ยังต้องเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้ตนเองหรือบุตรหลานได้รับเชื้อ โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย สำหรับในโรงเรียนอนุบาลหรือเด็กชั้นเด็กเล็ก ถ้าครูพบเด็กที่สงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคหัด หรือมีอาการหวัด ตาแฉะ และไอมาก ควรจะได้ให้เด็กหยุดเรียนเพื่อป้องกันการติดต่อไปยังเด็กร่วมชั้นเรียนคนอื่นๆ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหัดสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

 

ข่าวโดย : พรรณภัทร ประทุมศรี นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา