ขับเคลื่อน! เส้นทางท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุง


25 เม.ย. 2560

ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวเกือบ 50 คน ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุง ตามโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาศักยภาพ การท่องเที่ยวภายใต้อัตลักษณ์ และวิถีของท้องถิ่นลุ่มน้ำทะเลสาบ : พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช หวังผลักดันแหล่งท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเปิดตลาด สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่

P1017693.jpg

เมื่อระหว่างวันที่ 7 – 8 มี.ค. 60 โครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาศักยภาพ การท่องเที่ยวภายใต้อัตลักษณ์ และวิถีของท้องถิ่นลุ่มน้ำทะเลสาบ : พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และหาดทองรีสอร์ท & การท่องเที่ยว จัดโครงการทัศนศึกษาสำรวจเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุง โดยมีนายจรูญ แก้ววจีทรัพย์ ผู้จัดการ บริษัท หาดทอง การท่องเที่ยว จำกัด, นายทรงชัย มุ่งประสิทธิชัย นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาจำนวน 50 คน เข้าร่วม

สำหรับการลงพื้นที่สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ เริ่มต้นนำผู้ประกอบการไปยังอุทยานนกน้ำคูขุด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา, บ่อน้ำศักดิ์สิทธ์ (วัดแหลมบ่อท่อ) ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธิ์ จังหวัดสงขลา จากนั้นนำผู้ประกอบการล่องเรือชมวิถีชีวิตทะเลสาบสงขลา เพื่อชมความสวยงามในพื้นที่ทะเลสาบ และชมวิถีชีวิตประมงในพื้นที่ทะเลสาบ รวมทั้งแวะชมสักการะสิ่งศักสิทธิ์ เกาะกระ ก่อนเข้าที่พัก ณ โรงแรมหาดทองรีสอร์ท และร่วมประชุมระดมความคิดเห็นประเด็นการท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำทะเลสาบ ส่วนวันที่ 2 ทางคณะได้นำผู้ประกอบการไปยังแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เพื่อสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่ ถ้ำสุขใจ ถ้ำน้ำเย็น บ่อน้ำร้อน อำเภอเขาชัยสน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล กล่าวว่า งานวิจัยเรื่องการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวภายใต้อัตลักษณ์ และวิถีของท้องถิ่นลุ่มน้ำทะเลสาบ : พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช เป็นการประเมินศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบ ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างกัน เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐและสภาพของพื้นที่ โดยเสนอเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานทรัพยากรการท่องที่มีอยู่ เพื่อการรองรับการท่องเที่ยวรอบน้ำทะเลสาบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ใช้รองรับการเดินทางมาท่องเที่ยวของคนในประเทศไทยและชาวต่างชาติจนกลายเป็นพลังในการสร้างฐานความรู้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้มีเศรษฐกิจทางเลือกโดยการใช้การท่องเที่ยวมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนสร้างรายได้ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนรอบลุ่มน้ำทะเลสาบอย่างยั่งยืนต่อไป

P1017739-768x576.jpg

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยรัตน์ จุสปาโล

พื้นที่รอบน้ำทะเลสาบ เป็นดินแดนที่มีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์มายาวนานไม่น้อย 6,000 ปี มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ วิถีชีวิตของผู้คน และงานกิจกรรมประเพณีต่างๆ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช พบว่าลุ่มน้ำทะเลสาบมีประวัติศาสตร์ ไหลเวียน อย่างยาวนาน พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์นับพันปี ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต ประเพณี ศาสนา วัฒนธรรม ที่ผลัดเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแต่ยุคสมัย ทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำเป็นสนใจของผู้คนในหลากหลายเรื่องราว และนอกจากนี้ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบมีความหลากหลายของพื้นที่รองรับการท่องเที่ยว มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แหล่งเที่ยวเชิงเกษตร และรูปแบบอื่นๆ อีกหลายหลาย เนื่องมาจากพื้นที่รอบลุ่มน้ำทะเลสาบ มีแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและประเพณี มีโบราณสถานที่เป็นอัตลักษณ์ในเชิงพหุวัฒนธรรมที่หลากหลาย

อย่างไรก็ตามกลับพบว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบที่ผ่านรอบ 1-3 ปี มีอัตราการเติบโตไม่มากนัก หากแยกพิจารณาเป็นคนไทยและชาวต่างประเทศ พบว่า ผู้เยี่ยมเยือนคนไทยที่เป็นตลาดหลัก ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากความหวั่นวิตกจากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้คนพื้นที่ในภาคใต้ใช้แหล่งท่องเที่ยวใกล้บ้านเป็นหลัก ในขณะที่ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างประเทศมีการเติบโตค่อนข้างน้อยแม้ว่าภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมสนับสนุน ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศโดยเฉพาะมาเลเซียและสิงคโปร์เริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จัดการเดินทางมาเองและนิยมเดินทางไปชมความงามแหล่งท่องเที่ยวบริเวณอุทยานนกน้ำทะเลน้อยหาดแสนสุขลำปำ ถ้ำคูหาสวรรค์ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังไม่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่พื้นน้ำของทะเลสาบทั้งในส่วนของจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ซึ่งทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นเกาะแก่งที่สวยงามและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น โบราณสถาน วัด พระเกจิอาจารย์ บ่อน้ำศักสิทธิ์ หรือเรียกได้ว่าเป็นทางท่องเที่ยวเชิงศรัทธาสภาพปัจจุบันนักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่จะแวะพักค้างแรม 1 คืนหรือเดินทางไปพักค้างแรมยังจังหวัดใกล้เคียงแทน

ด้านนายจรูญ แก้ววจีทรัพย์ กล่าวว่า การจัดโครงการทัศนศึกษาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุงในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมเปิดตลาดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงด้วย ส่วนโปรแกรมท่องเที่ยวที่หาดทองรีสอร์ท & การท่องเที่ยว ได้จัดไว้เพื่อนำเสนอแก่ผู้ประกอบการ หลักๆ มีอยู่ 2 โปรแกรม และจะมีโปรแกรมย่อยอีกหลายโปรแกรม เพื่อให้ทางผู้ประกอบการได้พิจารณาคัดเลือก

P1017737-768x576.jpg

นายจรูญ แก้ววจีทรัพย์

นายจรูญกล่าวอีกว่า หากการผลักดันเส้นทางท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุง ในครั้งนี้สำเร็จ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในจังหวัดพัทลุงอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็น หรือประมาณ 100,000 – 150,000 คน จากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และความสำเร็จที่มากกว่านั้นคือ จะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ทำให้เศรษฐกิจจังหวัดพัทลุงดีขึ้นด้วย

“ขณะนี้ทางหาดทองรีสอร์ท & การท่องเที่ยวมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งในเรื่องห้องพัก ห้องอาหาร รวมทั้งเรือที่จะนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะกระและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และในส่วนของธารน้ำเย็นและถ้ำสุขใจคาดว่าอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า สถานที่และเส้นทางต่างๆ จะมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน ที่ผ่านมาจากที่ได้นำนักท่องเที่ยวลงไปที่เกาะกระและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้ไปสัมผัส ซึ่งถ้าหลายหน่วยงานช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนเส้นทางท่องเที่ยวตรงนี้ คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอีกจำนวนมาก และจะทำให้การท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุงเป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างแน่นอน” นายจรูญกล่าว

IMG_5092.jpgIMG_5174.jpgP1017609.jpgP1017623.jpgP1017634.jpgP1017702.jpgP1017754.jpgP1017781.jpgP1017783.jpgP1017806.jpgP1017876.jpgP1017904.jpg

ข้อมูลและที่มาจาก http://www.samilatimes.co.th/?p=15380