หาดใหญ่โพลเผย คนใต้คิดอย่างไรกับกับการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สรุปผลการสำรวจหาดใหญ่โพล HATYAI POLL เรื่อง “ ประชาชนคิดอย่างไรกับการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้เป็นประชาชนในจังหวัดสงขลา จำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 3-8 พฤษภาคม 2560 ผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
สถานภาพของกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 53.00) มีอายุ 31- 40 ปี (ร้อยละ 35.75) รองลงมา มีอายุ 41- 50 ปี (ร้อยละ 27.50) และมีอายุ 21- 30 ปี (ร้อยละ 23.25) ตามลำดับ โดยกลุ่มตัวอย่างมีอาชีพรับจ้างทั่วไป (ร้อยละ 24.50) รองลงมา พนักงานบริษัท/ลูกจ้าง ประกอบกิจการส่วนตัว/ค้าขาย และนักเรียนและนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 20.25 17.25 และ 9.75 ตามลำดับ
สรุปผลการสำรวจ
รองศาสตราจารย์ทัศนีย์ ประธาน รักษาการผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบร่างกฎหมายเพื่อการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร้อยละ 81.00) โดยรับทราบผ่านสื่อโทรทัศน์ มากที่สุด (ร้อยละ 74.69) รองลงมา สื่อหนังสือพิมพ์ (ร้อยละ 13.27) และสื่อ Social Media (ร้อยละ 12.65) ตามลำดับ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร้อยละ 62.00) และร้อยละ 38.00 ไม่เห็นด้วย เมื่อพิจารณาเป็น รายประเด็น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยมากที่สุด ประเด็นการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมี 2 รูปแบบ ได้แก่ อบจ. และเทศบาล (ร้อยละ 74.00) รองลงมา เป็น ประเด็นการเปลี่ยนบทบาทให้ อบจ.เป็นฝ่ายสนับสนุนประสานงานในภาพรวมของจังหวัดที่ไม่ซ้ำซ้อนกับเทศบาล (ร้อยละ 65.25) และประเด็น การควบรวมองค์กรบริหารส่วนตำบลขนาดเล็กและเทศบาล โดยใช้เกณฑ์ของรายได้หรือจำนวนประชากร (ร้อยละ 60.50) ตามลำดับ นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ27.25 เห็นว่าได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปในระดับมากและมากที่สุด ร้อยละ 38.75 เห็นว่าได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปในระดับปานกลาง
ส่วนการปฏิรูปด้วยการควบรวมองค์การบริหารส่วนตำบลเล็กๆ ให้มารวมเป็นเทศบาล ประชาชนเห็นว่าจะเกิดผลดี โดยให้เหตุผลประกอบที่สอดคล้องกันมากที่สุดว่า เป็นการลดความซ้ำซ้อนของงานและการทับซ้อนพื้นที่ (ร้อยละ 38.00) รองลงมา เป็นการประหยัดงบประมาณ (ร้อยละ 29.50) และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท้องถิ่น (ร้อยละ 17.75) ตามลำดับ ส่วนผลเสียประชาชนเห็นสอดคล้องกันมาที่สุดว่าผู้สูญเสียผลประโยชน์จะสร้างความปั่นป่วน (ร้อยละ 39.50) รองลงมา เกิดความล่าช้าในการบริหารจัดการองค์กร (ร้อยละ 34.50) และประชาชนได้รับบริการที่ล่าช้าและไม่เต็มที่ (ร้อยละ 21.00) ตามลำดับ
ส่วนประเด็นวาระการดำรงตำแหน่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 5 ปี ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย (ร้อยละ 56.25) โดยให้เหตุผลสอดคล้องกันว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน (ร้อยละ 56.44) รองลงมา เป็นการกระจายอำนาจให้แก่ชุมชนในท้องถิ่น (ร้อยละ 18.22) และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท้องถิ่น (ร้อยละ 17.78) ตามลำดับ ส่วนร้อยละ ที่เห็นว่าผลเสียจากการดำรงตำแหน่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 5 ปี ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าประชาชนเห็นว่าจะสร้างความแตกแยกของประชาชน (ร้อยละ 41.67) รองลงมา สิ้นเปลื้องงบประมาณในการเลือกตั้ง (ร้อยละ 33.33) และเกิดความไม่ต่อเนื่องในการบริหาร (ร้อยละ 21.15) ตามลำดับ
ส่วนสิ่งที่ประชาชนต้องการจากการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มากที่สุด เป็นการบริหาร ที่สร้างความประทับใจในการบริการประชาชน (ร้อยละ 41.25) รองลงมา ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง (ร้อยละ 39.00) และไม่เกิดการทุจริตการสอบแข่งขันเข้าทำงาน (ร้อยละ 31.00) ตามลำดับ