ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนสิงหาคม 2560


2 ก.ย. 2560

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนสิงหาคม 2560

ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2560 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่า เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 55.40 เพศชาย ร้อยละ 44.60 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 36.50  และมีระดับการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 31.10

001.jpg

ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ  มหาวิทยาลัยหาดใหญ่  รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนสิงหาคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม ส่วนหนึ่งมาจากรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวและซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคในช่วงวันหยุด (วันแม่แห่งชาติและวันอีดิ้ลอัฎฮา) รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ซึ่งมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากรายจ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดยาว วันแม่แห่งชาติ และวันอีดิ้ลอัฎฮา  อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้านโอกาสในการหางานทำ/ได้งานใหม่ รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า รายจ่ายที่เกี่ยวข้องด้านอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ และค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งต้องการแรงกระตุ้นที่เป็นปัจจัยบวกจากภาครัฐและเอกชนด้วย

ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 27.40 และ 32.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 37.40 และ 36.80 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งมาจากสัญญาณที่ดีขึ้นของราคาสินค้าเกษตร ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และโครงการ “ประชารัฐ” บัตรสวัสดิการช่วยเหลือคนจน จำนวน 11.67 ล้านคน ซึ่งจะเริ่มให้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 นี้

ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ ค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 29.30 รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน และราคาสินค้า คิดเป็นร้อยละ 22.40 และ 15.80 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ค่าครองชีพ รองลงมา คือ ราคาสินค้า และหนี้สินครัวเรือน ตามลำดับ