สนช.ประชุมบริหารจัดการน้ำการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบอย่างยั่งยืนที่สงขลา


18 ต.ค. 2560

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลาและลุ่มน้ำในเขตพื้นที่ภาคใต้ สู่การแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบอย่างยั่งยืน

PNEWS17101810165900501.JPG

วันนี้ (18 ต.ค. 60) เวลา 09.15 น. ที่หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พร้อมคณะ ประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลาและลุ่มน้ำในเขตพื้นที่ภาคใต้ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำในหลายด้าน ซึ่งการดำเนินการแก้ไขยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ขาดความเป็นเอกภาพ จึงสมควรมีกฎหมายในการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำ และจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ จึงได้จัดประชุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับทั้งหมดไปพิจารณาทบทวนการดำเนินการด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างเป็นระบบต่อไป

ด้าน นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ มี 5 ลุ่มน้ำย่อย ได้แก่ ลุ่มน้ำคาบสมุทรสทิงพระ , คลองรัตภูมิ , คลองอู่ตะเภา , คลองนาทวี และคลองเทพา ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาน้ำท่วม , นำ้แล้ง , นำ้เค็ม และน้ำเสีย สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของประชากร , การขยายของชุมชน และภาคอุตสาหกรรม , การบุกรุกพื้นที่ต้นน้ำ แหล่งน้ำสาธารณะ , การมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ และการปล่อยมลพิษลงในลุ่มน้ำ ซึ่งทางจังหวัดได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การสร้างคันป้องกันน้ำ , การขุดลอกคูคลอง , การเตือนภัย , การสร้างฝาย , การสร้างแก้มลิง , การเตรียมเครื่องจักรกลและกำลังเจ้าหน้าที่ ฯลฯ โดยในปีงบประมาณ 2561 ทางจังหวัดสงขลา ได้มีการของบประมาณในการดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ผ่านกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 536 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ จำนวน 14,188 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2561 ทางจังหวัดได้รับการอนุมัติแล้ว จำนวน 367 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ จำนวน 1,480 ล้านบาท

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยากสะท้อนในการแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่มี 3 เรื่องหลัก คือ เรื่องกลไกในการบริหารจัดการน้ำ ที่ยังขาดอำนาจหน้าที่ และการแบ่งงานที่ชัดเจน , การขาดการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และการขาดงบประมาณในการสนับสนุนแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถบริหารจัดการน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มีคลองในการรองรับปริมาณน้ำ ได้แก่ คลองอู่ตะเภา , คลอง ร.1 หรือ คลองภูมินาถดำริ , คลองเตย ซึ่งเป็นคลองภายในเขตเทศบาล และคลองหวะ ซึ่ง 2 คลองหลังจะไหลไปรวมกันที่คลองอู่ตะเภา หากน้ำไม่ล้นตลิ่ง ก็จะไม่เกิดน้ำท่วม เพราะในพื้นที่มีระบบระบายน้ำทั้งระบบได้ไม่เกิน 1,150 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่เองมีสถานีสูบน้ำ จำนวน 24 สถานี พร้อมการขุดลอกคูคลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว รองรับฤดูมรสุมของพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการก่อสร้างโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระยะที่ 2 ซึ่งหากสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถระบายน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตร/ วินาที รวมกับคลองอื่นๆ จะทำให้สามารถรองรับมวลน้ำได้มากถึงประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที

PNEWS17101810165900502.JPGPNEWS17101810165900503.JPGPNEWS17101810165900504.JPGPNEWS17101810165900515.JPGPNEWS17101810165900513.JPG

ข่าวโดย ผู้สื่อข่าว : สุธิดา พฤกษ์อุดม สวท.สงขลา