ม.ล.ปนัดดา แนะครูชายเดนภาคใต้ยึดความซื่อสัตย์และความรักความเอื้ออาทรต่อกัน


1 เม.ย. 2559

.ล.ปนัดดา เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขและพัฒนาจังหวัดชายเดนภาคใต้ พร้อมเผยคืบหน้าคดีแม่ประนอม ทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่มีการติดต่อขอพูดคุย แต่ก็ยังยินดีเป็นคนกลาง

เมื่อเวลาประมา 11.30 น. วันที่ 31 มี.ค. 59 ที่โรงแรม บีพี แกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกิจกรรมพัฒนาศักยภาพครูสอนศาสนาของโรงเรียนในสังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 8 โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งตัวแทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และ โรงเรียนในสังกัดในจังหวัดชายแดนใต้ กว่า 400 คน เข้าร่วม

โดย ม.ล.ปนัดดา ได้หยิบยกเอากระแสพระราชดำรัส และแนวทางการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแบบอย่างให้แก่ข้าราชการครู แลเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีทั้งความเสี่ยง ความห่างไกล และหลากหลายศาสนาและวัฒนธรรม รวมทั้งเน้นย้ำเกี่ยวกับหัวใจของการทำงานราชการ หรือการรับใช้แผ่นดิน ซึ่งมี 2 อย่างที่สำคัญ คือ ความซื่อสัตย์ และความรักความเอื้ออาทรเหมือนครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเห็นมากที่สุด และจะส่งผลต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในยุคที่มีแต่ความแยก ทั้งการแบ่งสีเสื้อและขั้วการเมืองอย่างเช่นปัจจุบัน

ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดงาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้เปิดถึงความคืบหน้ากรณี นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ซึ่งได้เข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังถูกบุตรสาวคนโตฮุบกิจการ และตนขออาสาเป็นคนกลางช่วยกาวใจให้นั้น ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่ได้มีการติดเข้ามามา เพื่อขอพูดคุย หรือตกลงยุติปัญหากันแต่อย่างใด แต่ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคอยดูแล และประงานเกี่ยวกับเรื่องดังงกล่าว

ม.ล.ปนัดดา เปิดเผยอีกว่า อยากให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดี และอยากจะให้เป็นกรณีตัวอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย ควรจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย ก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และตนต้องการให้คนไทย สังคมไทย เป็นสังคมที่มีแต่ความรัก ความสามัคคี และเกื้อกูล เอื้ออาทรต่อกัน เหมือนในอดีต ส่วนกรณีที่ตนขออาสามาช่วยเป็นกาวใจให้นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาตามวิถี และบทบาทหน้าที่ของข้าราชการไทยเท่านั้น ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงซ่อนเร้น หรือหวังผลอื่นใด โดยในวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันข้าราชการพลเรือน ก็ขอให้ข้าราชการทุกคนทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถให้สมกับการเป็นข้าของแผ่นดิน

21.jpg22.jpg