จังหวัดสงขลา จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดแหลมบ่อท่อ อำเภอกระแสสินธุ์
จังหวัดสงขลา จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดแหลมบ่อท่อ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(6 เม.ย. 62) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดแหลมบ่อท่อ ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา โดยมีคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการพลเรือน นายอำเภอ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมในพิธี
โดยในพิธีประธานถวายเครื่องราชสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จุดธูปเทียนบูชาเพื่อประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ พราหมณ์อ่านโองการบวงสรวงเพื่อบูชาเทพยดา เทพารักษ์ ผู้ดูแลรักษาสถานที่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงฤกษ์ในเวลา 11.52 น. ประธานอ่านคาถาพลีกรรมตักน้ำและตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ขันน้ำสาคร จากนั้นปิดฝาขันน้ำสาคร ห่อด้วยผ้าขาว ผูกริบบิ้นสีขาวและเชิญขันน้ำสาครและที่ตักไปยังขบวนรถแล้วเคลื่อนออกจากสถานที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปขึ้นแพขนานยนต์ ข้ามฟากจากฝั่งหัวเขาแดง อำเภอสิงหนคร มายังอำเภอเมืองจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการเชิญน้ำศักดิ์ข้ามทะเลสาบ ต่อจากนั้นเคลื่อนขบวนรถไปยังพระอุโบสถวัดชัยมงคล พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาเพื่อประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกในวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2562 และพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษกวันอังคารที่ 9 เมษายน 2562 ณ พระอุโบสถวัดชัยมงคล พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
สำหรับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดแหลมบ่อท่อ ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะใหญ่ ใกล้ที่วัดแหลมบ่อท่อ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา มีประวัติเล่าสืบต่อกันมาว่า มีพระรูปหนึ่ง ชื่อ “พระสินนารายณ์” และ “ขุนวิชัยพรหมศานส์” ซึ่งเป็นฆราวาสได้เดินทางจากประเทศอินเดียสู่กรุงศรีอยุธยา เป็นผู้สร้างบ่อน้ำนี้ไว้ มีน้ำสะอาดใสตลอดปี สมัยก่อนชาวบ้าน เรียกว่า บ่อทอง เนื่องจากมีผู้เฒ่าหลายท่านเล่าสืบต่อกันมาว่าในบ่อน้ำมีทองแม่ขัน โดยเจ้าของทองนั้นได้เข้าฝันชาวบ้านว่าถ้าใครได้ทอง เมื่อวันคี่คืนดี ก็ให้ไปเอาได้ แต่มีข้อแม้อยู่ว่าเมื่อผู้ใดได้ทองไปแล้วจะต้องรับแผลเปื่อยเท่ากับหอยไปจนตาย ปรากฏว่าไม่มีใครกล้าเพราะกลัวจะทรมานไปจนตลอดชีวิต ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านเรียกว่า บ่อทองหรือบ่อทรัพย์มาตลอด
ในเชิงประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้ เพื่อทอดพระเนตร เกาะสี่ เกาะห้า แล้วเสด็จกลับทางเรือและมาขึ้นฝั่งที่บ้านแหลมบ่อท่อ พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างที่ประทับขึ้นใกล้ๆกับบ่อท่อ ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นั้นปรากฏว่าพระองค์มีอาการประชวรแต่เมื่อพระองค์ได้สงสนานพระวรกายด้วยน้ำในบ่อท่อนั้นแล้วก็ทรงหายจากการประชวร พระวรกายเป็นปกติ ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็ถือกันว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มีความเป็นสิริมงคล จึงใช้น้ำในบ่อนี้ในการประกอบพิธีมงคลต่างๆบ้างก็นำมาใช้ในการรักษาการเจ็บป่วยจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2530 กระทรวงมหาดไทย ได้ทำพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อไปร่วมพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรพระมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542) และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา 15.49 น. กระทรวงมหาดไทยได้ทำพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ ไปร่วมพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรพระมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา (5 ธันวาคม 2550) ซึ่งนำความปลื้มปีติแก่ชาวบ้านแหลมบ่อท่อและชาวบ้านใกล้เคียงอย่างหาที่สุดมิได้
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว ช่างภาพจิตอาสา/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา