ผ่าวิชั่นนายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง การเมืองยุคใหม่ต้องเดินหน้าหมดเวลาขัดแย้ง
การเลือกตั้งสส.เมื่อ 24 มีนาคม 2562 จังหวัดสงขลาได้ผู้แทนใหม่ 6 คนจาก 8 คน หนึ่งในนั้นคือนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือที่ทุกคนเรียกกันติดมากว่านายกชาย สส.ใหม่เขต5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อาจใหม่ในตำแหน่งผู้แทนระดับชาติแต่ในจังหวัดสงขลา เชื่อว่าชื่อของนายกชาย ทุกคนคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
นายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง หรือชื่อเดิมนายวรวิทย์ ขาวทอง อดีตสจ.อำเภอรัตภูมิ อดีตนายกอบจ.สงขลา แม้จะว่างเว้นจากตำแหน่งทางการเมืองมานานแต่ก็ยังมีบทบาทในพื้นที่ให้ชาวบ้านได้รู้จัก ได้จดจำ และได้เห็นผลงานอยู่อย่างต่อเนื่องจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้สมัครสส.เขต5 จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และในการเลือกตั้งเที่ยวนี้เขาก็ได้คะแนนสูงสุดของจังหวัดสงขลาอีกด้วย (55,386 คะแนน)
นายกชาย กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าคะแนนที่ได้รับค่อนข้างผิดจากที่คาดไว้เยอะเนื่องจากหลายปัจจัย ทั้งความนิยมของของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลดลง กระแสของพรรคใหม่ที่มาแรงทั้งอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐที่เขามีความได้เปรียบทุกอย่าง แต่ก็พอใจกับคะแนนที่พี่น้องประชาชนมอบให้และจะมีโอกาสพิสูจน์ความตั้งใจในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด
ส่วนการทำงานทางการเมืองในฐานะสส.นั้น นายกชายบอกว่าเริ่มทำตั้งแต่ไม่ได้เป็นสส.แล้ว นั่นคือการผลักดันการแก้ปัญหาน้ำเสียในคลองอู่ตะเภา และลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อยากให้ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมาชาติกลับคืนมา อยากเห็นทะเลสาบที่มีปลา คลองที่ทุกคนสามารถลงไปเล่นน้ำได้ การเข้ามาของโรงงานขนาดใหญ่เรายินดีต้อนรับแต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ถ้าเข้ามาแล้วไม่สามารถดูแลสิ่งแวดล้อมได้เขาก็ต้องออกไปไม่ใช่ชาวบ้านต้องออกไป
ปัญหาน้ำเสียในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ต้องเป็นวาระแห่งจังหวัดสงขลา วันนี้สส.ทั้ง 8 คน ได้มีความเห็นร่วมกันแล้วว่าจะร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ ต้องตั้งกรรมการจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันปกป้องชะตากรรมของสงขลาในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะสายเกินไป หลังจากนั้นก็จะร่วมกันผลักดันในเรื่องอื่นๆ เน้นในเรื่องการพัฒนาจังหวัด ทั้งการรักษาป่าต้นน้ำที่ต้องส่งเสริมการปลูกป่าทดแทนและการเอาจริงกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันผลักดันเรื่องดีๆให้กับสงขลาในฐานะชาวสงขลาาด้วยกันไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายทางการเมือง
ส่วนถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่หลายคนกำลังมองว่าอยู่ในช่วงขาลงหรือตกต่ำนั้น นายกชายมองประเด็นนี้ว่าเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันการเมืองที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ตนเองมาลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคก็ไม่ได้มีเงินมาให้ใช้ในการหาเสียงเลย ทุกคนเป็นเจ้าของพรรคเราจึงมีความเห็นที่หลากหลายและแตกต่างกัน และเที่ยวนี้สถานการณ์การเมืองก็ไม่ปกติซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคเฉพาะกิจที่ตั้งมาในสถานการณ์ไม่ปกติและมีความได้เปรียบในหลายด้าน
ผมเข้ามาทำงานการเมืองก็ตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ สร้างความสามัคคีในหมู่นักการเมืองเพราะเชื่อมั่นว่าการเมืองต้องทำงานร่วมกัน เริ่มจากสมานฉันท์สส.ในจังหวัด ในภาคใต้ และในระดับประเทศ เราต้องเลิกเรื่อความขัดแย้ง เกลียดชังแบบไม่มองหน้ากัน เชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันบ้าง แต่เราจะเล่นการเมืองแบบแบ่งฝ่าย แบบเอาชนะกันโดยไม่มองเหตุผลคิดว่ายุคนี้คงไม่ใช่แล้ว เราต้องมาร่วมกันทำงานการเมืองแบบมองผลประโยชน์ประเทศชาติ ผลประโยชน์ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
เป็นแกนนำจัดพบปะว่าที่สส.สงขลา
"วันนี้ขอทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้ดีที่สุดก่อน ส่วนตำแหน่งทางการเมืองค่อยว่ากันอีกที" คำกล่าวทิ้งท้ายจากนายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง ว่าที่ สส.สงขลา เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์