สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 สร้างนวัตกรรมใหม่ เครื่องทำลายของกลางยาสูบแบบเบ็ดเสร็จ
สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 สร้างนวัตกรรมใหม่”เครื่องทำลายของกลางยาสูบแบบเบ็ดเสร็จ”ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับGOLD สามารถคัดแยกกระดาษก้นกรองและยาเส้นออกจากกันใช้แรงงานคนเพียงคนเดียวประหยัดงบประมาณทำลายสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรนำยาเส้นไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพยากำจัดศัตรูพืช
วันที่ 8 พ.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสรรพสามิต ภายใต้การนำของ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต และ นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม ที่ปรึกษาพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษี เดินหน้ายุทศาสตร์ชาติไทยแลนด์4.0 โดยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานและเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนแรงงานคน
ซึ่งนวัตกรรมใหม่ที่ว่านี้ก็คือ”เครื่องทำลายของกลางยาสูบแบบเบ็ดเสร็จ” ซึ่งเป็นฝีมือของทีมนวัตกรรม สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 นำทีมโดย นายมาโนช พิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 และ นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตพื้นที่ยะลา จนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับGOLD ประเภทหน่วยงานดับกรม สาขาผลงานส่งเสริมธรรมาภิบาล จากการส่งเข้าประกวดผลงานนวัตกรรมเพชรวายุภักษ์ครั้งที่7 ของกระทรวงการคลัง
โดยขีดความสามารถของเจ้าเครื่องนี้บอกได้เลยว่าเกินตัวโครงสร้างหลักของตัวเครื่องก็จะมีช่องใส่ยาสูบ ซึ่งมีตัวตรวจนับจำนวนเอาไว้ด้วย ระบบมอเตอร์คัดแยกกระดาษและก้นกรองออกจากยาเส้น ปล่องทางออกของกระดาษและก้นกรองซึ่งอยู่ด้านบน และปล่องทางออกของยาเส้นซึ่งอยู่ด้านล่าง ระบบการทำงานไม่ซับซ้อนแต่ผลงานที่ออกมาคุ้มค่ามาก
นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ สรรพสามิตพื้นที่ยะลา ได้อธิบายวิธีการทำงานของเครื่องทำลายของกลางยาสูบเครื่องนี้ว่า จะนำยาสูบใส่ลงไปทั้งแบบแถวหรือแบบซองก็ได้ เพราะเครื่องจะสามารถคัดแยกกระดาษและก้นกรองออกจากยาเส้นได้เอง100เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีต่อแถว
จากเดิมที่ต้องใช้แรงงานของเจ้าหน้าที่ประมาณ 30 นาที ในขั้นตอนตั้งแต่เริ่มดำเนินการทำลายตั้งแต่การกรีดทุกซองจนแยกกระดาษและก้นกรองออกจากตัวยาเส้น แต่เครื่องนี้ยังใช้เจ้าหน้าที่คุมเครื่องเพียง1คน และมีความปลอดภัยในการใช้งานทั้งสุขภาพของเจ้าหน้าที่และไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมจากเดิมที่ต้องใช้รถเผาและเผาทำลายทิ้ง
และยังมีข้อเปรียบเทียบเรื่องต้นทุนที่ชัดเจนของประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องทำลายของกลางยาสูบเครื่องนี้ เช่น เมื่อก่อนหากทำลายของกลางยาสูบจำนวน 10,000 ซอง ต้องใช้แรงงานคนจำนวน 5 คน คิดเป็นตัวเงิน 2,180 บาทใช้เวลาทำลาย7วัน แต่เครื่องนี้ใช้แรงงานคนเพียงคนเดียวคิดเป็นตัวเงินเพียงแค่500 บาท ใช้เวลาเพียง1 วัน หรือถ้าเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่อปีเมื่อก่อนอยู่ที่ 71,260 บาทต่อปี แต่หลังมีเครื่องนี้ค่าใช้จ่ายแค่ปีละ 17,348 และสามารถลดค่าใช้จ่ายรวมของกรรมสามิตจากปีละกว่า 6 ล้านบาท เหลือเพียง1ล้านกว่าบาท ซึ่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงปีละกว่า 4ล้านบาทเลยทีเดียว
นายภาณุพงศ์ ยังกล่าวอีกว่านอกเหนือจากประสิทธิภาพในการทำลายของกลางยาสูบที่รวดเร็วแล้ว ยังต่อยอดสร้างประโยชน์ให้กับภาคการเกษตร เนื่องจากยาเส้นที่ผ่านการทำลายและคัดแยกแล้วเกษตรกรสามารถนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพเป็นยากำจัดศรัตรูพืช ลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนโดยเฉพาะการทำเกษตรแบบพอเพียง ซึ่งขณะนี้เริ่มนำเครื่องนี้ลงไปให้บริการประชาชนถึงพื้นที่แล้ว และหลังจากนี้จะพัฒนาขีดความสามารถของเครื่องทำลายของกลางยาสูบเครื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเตรียมจดสิทธิบัตรให้เป็นทรัพย์สินของกรมสรรพสามิตต่อไป