การเงินน่ารู้กับ ธปท.ใต้ ตอน มารู้จักแหล่งลงทุนเพิ่มมูลค่าเงินออม


18 พ.ค. 2562

มารู้จักแหล่งลงทุนเพิ่มมูลค่าเงินออม

money-2724241_1920.jpg


ธนิก พรเทวบัญชา พฤษภาคม 2562



การออมเงินเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินที่ดีให้กับทุกๆ คน เนื่องจากผู้ที่มีเงินออมจะสามารถนำเงินออมที่มีมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่จำเป็น เช่น ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมแซม เป็นต้น หากไม่มีเงินออมก็อาจจะต้องกู้หนี้ยืมสินจากผู้อื่นเพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งการกู้หนี้ยืมสินจะก่อให้เกิดดอกเบี้ยซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มให้กับตนเอง นอกจากนี้ในช่วงหลังการเกษียณที่จะมีรายได้ลดลงจากในช่วงที่ยังประกอบอาชีพ หากไม่มีเงินออมที่เพียงพอก็จะส่งผลให้การดำเนินชีวิตยากลำบากมากยิ่งขึ้น

การแสวงหาแหล่งการออมเงินที่ดี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหากเก็บเงินออมในแหล่งที่ไม่สร้างผลตอบแทน เมื่อระยะเวลาผ่านไป เงินออมที่มีอยู่ก็จะมีอำนาจซื้อสินค้าได้ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับราคาสินค้าต่างๆ ที่สูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ ยกตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่


ดังนั้นการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองในอนาคต จึงจำเป็นต้องนำเงินออมของตนเองไปออมหรือลงทุนในแหล่งที่ให้ผลตอบแทนและมีความเสี่ยงที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ออม โดยแหล่งที่สามารถออมหรือลงทุนมีหลากหลายประเภท ได้แก่

1. การฝากเงินไว้กับธนาคาร ได้แก่ เงินฝากแบบออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ โดยการฝากแบบออมทรัพย์จะให้ผลตอบแทนไม่สูงมากนัก แต่ผู้ฝากก็จะสามารถฝากหรือถอนเงินได้เมื่อต้องการ ส่วนการฝากประจำจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากแบบออมทรัพย์ แต่ก็จะกำหนดระยะเวลาการฝากการถอนที่แน่นอน หากฝากไม่ตรงเวลาหรือถอนเงินก่อนครบกำหนด ก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ธนาคารกำหนด

2. การลงทุนในตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตร, หุ้นกู้ เป็นต้น ตราสารหนี้จะออกโดยหน่วยงานที่ต้องการเงินทุนเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงาน หรืออาจเปรียบได้ว่าเป็นการให้เงินกู้ยืมกับหน่วยงานที่ออกตราสารหนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย รวมถึงได้รับจำนวนเงินที่ลงทุนคืนตามระยะเวลาที่หน่วยงานที่ออกตราสารหนี้กำหนด อย่างไรก็ดี ตราสารหนี้มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร เนื่องจากบางหน่วยงานที่ออกตราสารหนี้อาจจะไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด จึงมีความเสี่ยงว่าผู้ลงทุนอาจจะไม่ได้รับเงินที่ลงทุน และผลตอบแทนตามที่ต้องการ

3. การลงทุนในตราสารทุน ได้แก่ หุ้นสามัญ, หุ้นบุริมสิทธิ เป็นต้น ตราสารทุนจะออกโดยธุรกิจที่ต้องการเงินทุนเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงาน ผู้ที่ลงทุนในตราสารประเภทนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล หรือ ส่วนต่างของราคาตราสารทุนตอนซื้อและขาย ซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เนื่องจากเงินปันผลและราคาของตราสารทุนจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท สภาพเศรษฐกิจของประเทศและโลก ดังนั้นผลตอบแทนที่จะได้รับจึงไม่แน่นอนและคาดการณ์ได้ยาก

4. การลงทุนในกองทุนรวม โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะรวบรวมเงินจากผู้ที่สนใจลงทุน โดยการจำหน่ายหน่วยลงทุน และ บลจ. ก็จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ตามที่ประกาศไว้ในตอนจำหน่ายหน่วยลงทุน อาทิ ตราสารหนี้ ตราสารทุน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากผลต่างของราคาหน่วยลงทุนเมื่อซื้อและขาย เงินปันผล ซึ่งมาจากผลประกอบการของกองทุนที่ได้ลงทุนตามทรัพย์สินต่างๆ ดังนั้น กองทุนแต่ละกองทุนจึงมีความเสี่ยงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของประเภททรัพย์สินในแต่ละกองทุน

การเลือกนำเงินไปลงทุนในแหล่งใด ผู้ลงทุนควรจะพิจารณาความจำเป็นและความต้องการของตนเองก่อน เช่น หากต้องการเงินออมสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินก็ควรออมเงินแบบฝากกับธนาคาร เพราะสามารถถอนเงินในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินและจำเป็นต้องใช้ได้ ในทางกลับกันหากนำเงินออมไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ก็อาจจะไม่สามารถถอนเงินได้ในระยะเวลาที่ต้องการ เป็นต้น แหล่งการลงทุนต่างๆ มีผลตอบแทน ความเสี่ยง และเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผู้ที่ต้องการลงทุนในแหล่งลงทุนใด ก็ควรศึกษาข้อมูลของแหล่งลงทุนแต่ละประเภทให้ดีก่อน เพื่อให้ตนเองเลือกลงทุนในแหล่งที่ตรงกับความต้องการของตนเอง และยอมรับความเสี่ยงได้

แหล่งที่มาของข้อมูล : www.1213.or.th