รองผู้ว่าฯ เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้ดูแลเด็กด้วยวินัยเชิงบวก-ไม่ใช้ความรุนแรง
รองผู้ว่าฯ สงขลา เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้ดูแลเด็กด้วยวินัยเชิงบวก ภายใต้กรอบการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็ก เน้นวิธีการสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพ เพื่อพัฒนาทักษะการปลูกฝังวินัยแก่เด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา
(9 ก.ค. 62) ที่โรงแรมหาดแก้วรีสอร์ทอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา นายศักระ กปิลกาญจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้ดูแลเด็กด้วยวินัยเชิงบวก ภายใต้กรอบการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็ก รุ่นที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2562 โดยมีนางณิชาพัชฌ์ เพ็ชรพันธุ์ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา นางสาวคอทรีหม๊ะ หะยีอารุณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสงขลา นางสาวชมฤดี นาทะศิริ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะวิทยากรและผู้ดูแลเด็กเข้าร่วม
นายศักระ กปิลกาญจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัญหาสังคมในปัจจุบัน กลุ่มเด็กและวัยรุ่น เป็นกลุ่มบุคคลในสังคมส่วนใหญ่ต้องการดูแลและเข้าใจมากที่สุด กลับเป็นกลุ่มที่พบปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ยากที่สุด โดยเฉพาะ “ปัญหาความรุนแรง” ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาที่มาพร้อมกับการแก้ไขกับความคาดหวังของพ่อแม่ และผู้ดูแล รวมทั้งคนในสังคม หากมองในแง่ของการแก้ไขปัญหาก็คงจะมีผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจในการแก้ไข รวมถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่ ทำหน้าที่แก้ไขมีจำนวนมากอย่แล้ว แต่หากมองปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นให้ลงลึกไป อีกนั้น เราจะพบว่าการแก้ไขอาจเป็นการปรับเปลี่ยนเพียงชั่วครั้งชั่วคราวหรือเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุที่แท้จริง การเลี้ยงดูลูกตั้งแต่ แรกเกิดของบิดามารดาหรือผู้ดูแล
จึงมีความสำคัญมากบิดา มารดาและผู้ดูแล จึงควรมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้านจะทำให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมตนเองได้ดี การแก้ปัญหาด้วยการใช้วินัยเชิงบวกจึงเป็นกระบวนการโน้มน้าวคนให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง จากพฤติกรรมของตนเอง ที่ไม่พึงประสงค์ให้เป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์อย่างมีเหตุผล ด้วยวิธีที่นุ่มนวลให้เกียรติในศักดิ์ศรี เน้นคุณค่าความเป็นคนโดยกระตุ้นให้เกิดความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองจากการรู้จักตนเอง ไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับหรือถูกควบคุมให้เจ็บปวดหรืออับอาย
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์และยั่งยืนจึงควรที่จะให้เด็กและเยาวชน ที่เป็นผู้อ่อนด้อยทั้งประสบการณ์และความคิดสมควรที่จะได้รับโอกาสในการทำความดีเพื่อลดเลิกพฤติกรรมเสี่ยงมาเป็นสร้างงาน จิตอาสา เห็นคุณค่าภายใต้ตนเอง ด้วยความรักและความเข้าใจของบุคคลรอบข้าง
ด้านนางณิชาพัชณ์ เพ็ชรพันธุ์ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา กล่าวว่า สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา สังกัดกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทภารกิจในการสงเคราะห์ ส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติโดยได้ให้การอุปการะเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ ได้แก่ เด็กกำพร้าอนาถา ถูกทอดทิ้ง เร่อน หรือเด็กใน ครอบครัวที่มีผู้ปกครองประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 โดยให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิง อายุแรกเกิดถึง 18 ปี และเด็กชายอายุแรกเกิดถึง 6 ปี ปัจจุบันมีจำนวนเด็กในความอุปการะทั้งสิ้น 184 คน ซึ่งต้องใช้วิธีการดูแลเด็กในความอุปการะ ด้วยการใช้วินัยเชิงบวกในการขับเคลื่อน
แต่ที่ผ่านมาพบว่าผู้ดูแลยังขาดความเข้าใจในเรื่องวินัยเชิงบวก ทำให้ส่งผลต่อพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลเด็กให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา จึงเลือกที่จะให้ผู้ดูแลเด็กใช้วินัยเชิงบวกในการดูแลเด็กในความอุปการะทุกๆ ด้านปราศจากการใช้ความรุนแรง โดยเน้นที่การส่งเสริม วิธีการสื่อสาร และการสร้างสัมพันธภาพ การเสริมสร้างทักษะสำหรับผู้ใหญ่ในการปลูกฝังวินัยแก่เด็ก โดยไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาและการแก้ไขข้อขัดแย้ง บนพื้นฐานความเข้าใจเรื่องพัฒนาการเด็ก การสอนที่ช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จ โดยให้ข้อมูลความรู้ และความรักแก่เด็ก ไม่ใช้การทำโทษทางร่างกายหรือจิตใจ เพราะการลงโทษจะทำให้เด็กมีความก้าวร้าวมากยิงขึ้นและมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับเด็ก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นสถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลาจึงจัดให้มีโครงการ "การอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้ดูแลเด็กด้วยวินัยเชิงบวก ภายใต้กรอบการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็ก" ซึ่งผู้ดูแลที่ผ่านการอบรมจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้วินัยเชิงบวกกับตนเอง และบุคคลรอบข้าง อันเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นคนดีของบ้านเมืองและลดปัญหาพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสังคมและประเทศรวมถึงมีทักษะในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ข่าว/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา