ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จนท.เปิดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษที่เรือนจำสงขลา
รองผู้ว่าฯ สงขลา พร้อมด้วย ผบ.เรือนจำจังหวัดสงขลา นำเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง เปิดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษ เพื่อตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายและสิ่งของต้องห้าม
(31 ก.ค. 62) ที่เรือนจำจังหวัดสงขลา นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสงขลา นำเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 2 สงขลา กองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 1 จังหวัดสงขลา ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 และชุดปฏิบัติการพิเศษเขต 9 สนธิกำลังปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษเรือนจำจังหวัดสงขลาตั้งแต่รุ่งสาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในสังกัดร่วมปฏิบัติการตรวจค้นอย่างเข้มข้น
นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น เป็นภัยสังคมคุกคามต่อการพัฒนาประเทศและความสงบสุขของสังคม นำไปสู่ปัญหาการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ ผลจากการเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนของรัฐบาลทำให้มีการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งผู้เสพและผู้ค้าได้เป็นจำนวนมาก รัฐบาลจังได้กำหนดเป็น "วาระแห่งชาติ" ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อีกทั้งเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกหน่วยงานต้องเข้ามาร่วมมือกันแก้ไข ประสานงานติดต่อสื่อสารที่จะเชื่อมโยงประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจัง เรือนจำจังหวัดสงขลา จึงได้ทำหนดให้มีการจู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษเดือนละ 1 ครั้ง โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกและเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสงขลาร่วมกันจู่โจม ตรวจค้น โดยทุกภาคส่วนร่วมกันปฏิบัติภารกิจในเชิงรุก ร่วมกันจู่โจมตรวจค้นมิให้มีโทรศัพท์มือถือ ยาเสพติด สิ่งของต้องห้าม ตลอดจนสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำ
ด้านนายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้เป็นนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่ให้เรือนจำทุกแห่งต้องดำเนินการปราบปรามยาเสพติด โทรศัพท์มือถือและสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาหรือมีไว้ภายในเรือนจำอย่างเด็ดขาดโดยให้เรือนจำทำการจู่โจมตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรือนจำจังหวัดสงขลามีภารกิจด้านการควบคุมผู้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด บางคนอาจมีอิทธิพลด้านการเงินและมีเครือข่ายภายนอกเรือนจำอาจลักลอบ ใช้เรือนจำเป็นฐานในการสั่งซื้อ-ขายยาเสพติดโดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์สื่อกลางในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำ
ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายเข้าค้นเรือนนอน ตู้เก็บสิ่งของและอาคารสถานที่ภายในเรือนจำอย่างละเอียด เพื่อปราบปรามยาเสพติด โทรศัพท์มือถือและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาหรือมีไว้ภายในเรือนจำอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสุ่มตรวจปัสสาวะในกลุ่มผู้ต้องขังจำนวน 200 คน ผลปรากฏว่าไม่พบสารเสพติดและสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด ปัจจุบันเรือนจำจังหวัดสงขลา มีผู้ต้องขังทั้งหมด 2,815 คน
สำหรับเรือนจำจังหวัดสงขลาปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรมอย่างเคร่งครัดในการดูแลเรื่องความเป็นระเบียบและความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังการจัดให้ผู้ต้องขังได้มีการฝึกวิชาชีพโดยมีเป้าหมายเพื่อผู้ต้องขังได้รับการฝึกวิชาชีพออกไปสู่ภายนอกจะได้นำไปประกอบอาชีพเป็นคนดีและอยู่ร่วมกับสังคมได้
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ข่าว/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา