แม่ทัพภาคที่ 4 รุกติดตามแก้ปัญหาความมั่นคงการจัดระเบียบชายแดนไทย-มาเลเซีย


13 ส.ค. 2562

แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมจัดระเบียบด่านชายแดนไทย-มาเลย์ อ.สะเดา สั่งเข้มด่านชายแดน ไม่ให้คนร้ายใช้เป็นเส้นทางเข้ามาก่อเหตุ นักธุรกิจพื้นที่ด่านนอกเสนอปฏิรูปยกระดับการบริการนักท่องเที่ยว ไห้รวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาน้อยลง แก้ไขจุดตรวจ ตม.สะเดา ให้หันแนวรับเพื่อมช่องทางรถนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีอยู่ช่องเดียว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล ซึ่งนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากและใช้เวลารอนานมาก


วันนี้ 13 มิ. ย.2562 เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ประชุมขับเคลื่อนการควบคุมพื้นที่และจัดระเบียบชายแดนไทย-มาเลเซีย ของจังหวัดสงขลา โดยมี นายชวกิจจ์ สุวรรรคีรี นายอำเภอสะเดา นายอาทิตย์ วิสุทธสมาจาร นายด่านประกอบ นายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์ นายด่านสะเดา นายภักดี ดุลยพิจารณ์ นายด่านปาดังเบซาร์ นายด่านวังประจันทร์ จ.สตูล พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผกก.ตม.จว.สงขลา พ.ต.อ.สวัสดิ์ ศรีแสนยง ผกก.สภ.สะเดา นายเกชา เบญจคาร นายกทต.สำนักขาม นางณัฐชา แซ่เตียว และดร.สิทธพงษ์ สิทธิภัทรประภา ตัวแทนชมรมนักธุรกิจบ้านด่านนอก เข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบายการจัดระเบียบตรวจเข้มด่านชายแดน

พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จากปัญหามาตรการควบคุมดูแลพื้นที่และจัดระเบียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซียนั้น จากข้อมูลรายงานพบว่า ท่าข้ามธรรมชาติที่อยู่ตามแนวชายแดนจังหวัดนราธิวาส ถูกใช้เป็นช่องทางในการข้ามเข้ามาเพื่อก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรง แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้เน้นย้ำนโยบายคามจำเป็นในการตรวจเข้มบุคคล หรือนักท่องเที่ยวและกระะเป๋าสัมภาระ ที่ผ่านด่าน 3 ด่านในจังหวัดสงขลา พร้อมกำชับให้ตรวจอย่างละเอียด ทั้งนี้ผู้ก่อการ้ายยังคงเดินหน้าท้าทายอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่อง ทางกองทัพพร้อมเดินหน้าเปิดแนวรบโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดอย่างต่อเนื่องเต็มกำลังเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯขึ้นมามาจากความหลวมของเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องเพิ่มคามเข้มงวดในการตรวจสอบการเข้าออกต่อไป ความมั่นคงมันแปรผันกับความสะดวกสบาย พร้อมแนะให้ใช้ผู้หญิงในการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยที่เป็นผู้หญิงเพื่อไม่ให้ผิดหลักศาสนา ทุกวันนี้ด่านสะเดาทำได้ดีอยู่แล้ว วันนี้มาเยี่ยมและให้กำลังใจ ต่อไปในอนาคตจะวิเคราะห์ปรับเปลี่ยนออกไปในรูปแบบไหน ในส่วนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซึ่งได้ส่งผลกระทบต่การค้าชายแดนของบ้านด่านนอก

ด้าน ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นักธุรกิจ ผู้บริหารโรงแรมในบ้านด่านนอก ที่ได้รับผลกระทบต่อมาตราการเข้มงวดและปัญหาด่านสะเดา โดยเสนอความคิดเห็นต่อแม่ทัพว่าการบริการนักท่องเที่ยวของเจ้าหน้าที่ ตม. ทำได้ดีระดับหนึ่งแต่อยากให้ดูเพิ่มเติมว่า จะปฏิรูปยกระดับการบริการนักท่องเที่ยว ไห้รวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาน้อยลง แก้ไขจุดตรวจ ตม.สะเดา ให้หันแนวรับเพื่อมช่องทางรถนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีอยู่ช่องเดียว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล ซึ่งนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากและใช้เวลารอนานมาก "จากมาตราการเข้มงวดมากขึ้นในการเข้าออกประเทศ ส่งผลต่อกระทบต่อการท่องเที่ยวในด่านนอก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในด่านนอกตามวิถีเดิม เป็นนักท่องเที่ยวลักษณะ one day trip ตั้งใจเข้ามาด่านนอก เพื่อมา ใช้จ่าย ซื้อของ กินอาหาร แล้วกลับประเทศมาเลเซีย ไม่ได้ค้างคืน เมื่อเข้มงวด มากขึ้น ก็ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางมาด่านนอกน้อยลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจับจ่ายใช้สอยในด่านนอก" ดรสิทธพงษ์กล่าว

ด้านนางณัฐชา แซ่เตียว ประธานชมรมนักธุรกิจกล่าว่าได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวมไม่ได้รับความสะดวก ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ควรตรวจเฉพาะบุคคลต้องสงสัยเท่านั้น ส่วนข้าราชการตามแนวชาแดนของประเทศมาเลเซียที่ต้องการเข้ามาจับจ่ายสินค้าในไทยต้องอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

ด้านนายเกชา เบญจคาร นายก ทต.สำนักขาม เสนอว่าควรยกเลิกการกรอกใบ ตม.2-3 สร้างภาระและเสียเวลาให้กับนักท่องเทียว เป็นการซ้ำซ้อนกับด่านศุลกากรในการกรอกแบบฟอร์มผู้ที่มากับรถส่วนบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้แม่ทัพภาค 4 ได้ให้ความสนใจกับปัญหาด่านสะเดา พร้อมรับเรื่องไว้และสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หารือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ให้แต่ละหน่วยงานประสานกัน ด่านศุลการสะเดา ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต่างตอบรับและพร้อมขับเคลื่อนการจัดระเบียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตามแนวทางของแม่ทัพภาคที่ 4 ต่อไป