ธปท.ใต้ เผยเศรษฐกิจใต้ 3 เดือนแรก ปี 59 ดีขึ้นเล็กน้อย ท่องเที่ยวดีแต่เกษตรยังแย่

ศูนย์ข่าวบ้านเรา.- ธปท.ภาคใต้ แถลงข่าวสรุปภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ว่าปรับตัวดีขึ้น เผยห่วงปัจจัยภัยแล้งส่งผลกระทบเศรษฐกิจทั้งปี พร้อมผลการให้ความรู้ คำปรึกษา และรับเรื่องราวร้องเรียนผ่านสายด่วน 1213

วันนี้ (4 พ.ค.59) เวลา 10.00 น. ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เป็นประธานการแถลงข่าวสรุปภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 โดยมี สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมรับฟังโดยพร้อมเพรียงกัน

นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ใตรมาสที่ 1 ปี 2559 โดยรวมปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาคการท่องเที่ยวและการ ใช้จ่ายภาครัฐ อันเป็นผลบวกต่อการจ้างงานในกิจการนอกภาคเกษตร จึงมีส่วนในการสนับสนุนกำลังซื้อของครัวเรือนบางส่วน และขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยฉุดรั้งจากรายได้เกษตรกรและมูลค่าการส่งออกสินค้า สำคัญที่หดตัวต่อเนื่อง จากผลของราคาสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญที่ตกต่ำตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัว ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบตามราคาพลังงาน

นอกจากนี้ยังได้มีการคาดการแนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ของปี 2559 ไว้ด้วยว่า จะมีปัจจัยที่เป็นบวกที่สำคัญที่จะช่วยเรื่องเศรษฐกิจ คือ นักท่องเที่ยวเอเซียโดยเฉพาะจีน ยังขยายตัวดีโดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของสายการบินและการเติบโตของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง และมีนโยบายการคลัง ซึ่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงโครงการรัฐในพื้นที่ภาคใต้ แต่ก็ยังห่วงเรื่องปัจจัยลบ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะจีนและเอเชียอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ รวมถึงนโยบายการเงินของประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป จะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดการเงิน และที่สำคัญคือภัยแล้ง ที่อาจส่งผลต่อภาคเกษตรได้

ขณะที่การดำเนินงานด้านการคุ้มครองและให้ ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ได้ให้ความรู้ผู้ใช้บริการทางการเงิน โดยให้คำปรึกษาและรับเรื่องราวร้องเรียนผ่านสายด่วน 1213 รวม 3,055 ราย ประกอบด้วยการให้คำปรึกษา 3,006 ราย การรับเรื่องร้องเรียน 38 ราย และอื่นๆ อีก 11 ราย

นอกจากนี้ยังให้ความรู้ทางการเงินโดยตรงแก่ สื่อมวลชน ครู หน่วยงานราชการ และนักศึกษาใกล้จบ รวม 14 กิจกรรม มีผู้ได้รับความรู้ทั้งสิ้น 1,785 คน และให้ความรู้ผ่านสื่อวิทยุ 15 ครั้ง การตีพิมพ์บทความ รวมถึงการผลิตสื่อความรู้ทางการเงินที่จะนำไปเผยแพร่แก่ประชาชนผู้ที่สนใจ ต่อไป