"โค้ชพัช" พัช ชฎาบดินทร์รุจ ต้นแบบนักธุรกิจหญิงแกร่งฝ่าวิกฤตติดลบสู่ความสำเร็จแล้วแบ่งปัน
"โค้ชพัช" พัช ชฎาบดินทร์รุจ ต้นแบบนักธุรกิจหญิงแกร่งฝ่าวิกฤตติดลบสู่ความสำเร็จแล้วแบ่งปัน
พัช ชฎาบดินทร์รุจ หรือ คุณพัช ภูมิลำเนาเดิมเป็นคน จ.จันทบุรี มาเติบโตที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่บ้านย้ายมาทำธุรกิจค้าขายอยู่ใหญ่ กับประเทศเพื่อนบ้าน จบการศึกษา ป.ตรี สาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต ม.ธุรกิจบัณฑิต หลังจากเรียนจบมาช่วยดูแลกิจการที่บ้านอาชีพค้าขาย จบปี 2540 ช่วยกิจการที่พ่อแม่ค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน มาเลย์สิงคโปร์ 2545 เริ่มทำอสังหาฯ ทำบ้านเล็กในป่าใหญ่ สร้างบ้านขาย 2550 ทำคอนโดมิเนียมณัชชา ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บ.ชฎาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และผู้อำนวยการสถาบันพัชแพชชั่น
คุณพัช เล่าว่า “เมื่อปี 2550 อายุ 30ปี เริ่มใจใหญ่สร้างอาคารสูง 8 ชั้น ซึ่งในขณะนั้นคอนโดถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่มากของคนหาดใหญ่รุ่นแรก ๆ เลยที่มีปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดวิกฤติติดลบธุรกิจ 30 ล้านบาท ซึ่งทางธนาคารเรียกปรับโครงสร้างหนี้ จะเป็นNPL แล้ว แต่สุดท้ายเรากลับมาตั้งสติ และหาที่ปรึกษา และก็ได้ทางออก โดยเรายึดหลักของ “Business Model Canvas หรือ เครื่องมือสร้าง Model ธุรกิจ” ขึ้น เพื่อช่วยในการวางแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบ
ซึ่งเป็น Model ประกอบ 9 ส่วน มาใช้ในการแก้วิกฤติครั้งนี้ ซึ่งเรามองไปที่ส่วนของ Revenue Streams รูปแบบรายได้ ใน Model นี้ เราต้องตอบให้ได้ว่า รายได้หลักของเรามาจากอะไร จากแนวคิดตรงนี้ พัชเลยใช้วิธีการเปลี่ยนจากความคิดเราเป็นเจ้าของคอนโด 80 ห้องเพียงคนเดียว กลายมาเป็นการทยอยขาย และปล่อยเช่าออกไป ทำให้เราสามารถใช้เวลาเคลียร์ภาระในเวลา 1 ปีกับหนี้สิน 30 กว่าล้านผ่านมาได้ คิดดูว่ามันยากขนาดไหน…ที่จะผ่านตรงนั้นมา ปัจจุบันนี้เราบวกกับธุรกิจของเราสามารถเก็บเป็นค่าเช่ารายเดือนรายวันเป็นรายได้หลักไห้ครอบครัวได้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นเรายังใช้การประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ตอนนี้ ห้องเราเต็มเกือบทุกวัน แต่สำคัญที่สุดวันนี้คือตัวเราเองที่เราต้องทำ”
“สำคัญที่สุดของการก้าวผ่านปัญหาเมื่อเราล้มลงในธุรกิจ ถ้าเรามีพันธมิตรที่ดี หาที่ปรึกษาให้กับเรา เพราะเราทำงานคนเดียวไม่ได้ไม่มีทางได้เลย เราต้องมีที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ดีข้อนี้สำคัญมาก! วันนี้ในสภาวะที่เราเจอปัญหาหลายปัจจัย แต่เรายังขายได้ เรามองภาพว่าคนหรือลูกค้าของเรามีหลายแบบ เราคิดว่ากลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มสร้างครอบครัวเค้ามีกำลังซื้อเท่านี้เราก็ต้องเข้าใจกลุ่มลุกค้า ต่อไปเมื่อเค้าต้องการขยับขยายเค้าก็สามามารถเปลี่ยนมือได้”
คุณพัช เล่าต่อว่า ในส่วนของ “สถาบันพัชแพชชั่น เรารู้สึกว่าเราทำแล้วมีความสุข เราได้นำเรื่องราวจริงๆ ของเราที่เป็นความรู้ประสบการณ์ที่ดีออกไปแชร์เพื่อช่วยเหลือผู้คน ซึ่งผู้ที่ได้ฟังจากเราสามารถนำไปต่อยอดได้ รู้สึกมีความสุขกับตรงนี้ และคิดว่าจะสานต่อในส่วนของสถาบันพัชแพชชั่นต่อไป เพราะพัชเชื่อว่า การให้สังคม เราไม่จำเป็นต้องทำในส่วนของการให้ที่เป็นสิ่งของ หรือการบริจาค แต่จุดนึงที่สำคัญคือการนำความรู้ประสบการของเราแบ่งปันให้สังคม อันนี้พัชมีความรู้สึกว่ามันเป็นการให้ที่ทำให้เรามีความสุขมาก เพราะเราทำด้วยใจที่เรารักมันก็เลยมีความสุข”