​มีลุ้นทั้งคู่ หากนายกชายชนผู้การชาติ ที่สนามอบจ. พี่หลวงครฟัดนายกไพร ที่นครหาดใหญ่


23 มิ.ย. 2563

ทันทีที่นายกชาย สส.เดชดิศม์ ขาวทอง เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะลาออกจากสส.มาลงสมัครนายกอบจ.สงขลาในการเลือกตั้งเที่ยวหน้าก็ได้ ทำให้ตามร้านน้ำชาต่างๆ มีสีสันขึ้นมาทันที มีเรื่องให้เล่าขานกันเยอะแยะมากมาย ทั้งด้านสนับสนุนและไม่เห็นด้วย

หากนายกชายลาออกจากสส.ก็ต้องเลือกตั้งใหม่นั่นหมายความว่าประชาชนเขต 5 ต้องใช้สิทธิ์กันอีกครั้งในเวลาใกล้เคียงกันทั้งเลือกสส.และนายกอบจ. ซึ่งเป็นประเด็นให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ อีกอย่างปชป.ก็ไม่ใช่พรรคแม่เหล็กของสงขลาไปแล้วหลังได้มา 3 จาก 8 ที่นัง หากออกแล้วคนใหม่ไมได้กลับมาเที่ยวหน้าเป็นงานหนักหนาสาหัสของพรรคแน่ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ในพรรคจะมีความคิดเห็นกับประเด็นนี้อย่างไร ในส่วนของนายกชาย ดูแล้วหัวใจน่าจะกลับมาอยู่ที่ท้องถิ่นเสียแล้วหรือไม่ก็อาจเป็นการโยนหินถามทางเพื่อเช็คกระแสก่อน

สำหรับว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.สงขลา ที่โดดเด่นสุดเวลานี้ก็หนีไม่พ้น พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้การชาติแห่งค่ายพลังประชารัฐ ที่มีพรายกระซิบบอกว่างานนี้มีใบสั่งเลยว่าแพ้ไม่ได้ กวาดสส.ได้มาตั้ง 4 แล้วจะกวาดเก้าอี้นายกอีกตำแหน่งคงเป็นไปได้สูง ก่อนหน้านี้ฟากฝั่งปชป.จะส่ง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี โดยให้ขยับจากที่เคยเปิดตัวจะลงนายกนครหาดใหญ่มาเป็นอบจ.สงขลาแทน แต่ดูเหมือนว่าเรทติ้งจะแรงไม่พอ บวกกระแสสจ.และผู้นำท้องถิ่นที่อยากได้ผู้นำที่เข้าใจนักการเมืองด้วยกันมากกว่านี้ จึงเป็นที่มาของเสียงเชียร์ให้นายกชาย กลับมาเป็นนายกอบจ.สงขลาอีกครั้ง

ระยะเวลา 1 ปีกว่าของการทำหน้าที่สส. นายกชาย มีความโดดเด่นทั้งในพื้นที่และในสภาจึงมีการจับตามองไปถึงโอกาสการเป็นกรรมการบริหารพรรค โอกาสการเป็นรัฐมนตรี และเป็นแม่ทัพจัดระเบียบการเมืองสงขลาให้มีเอกภาพมากยิ่งขึ้น หากตัดสินใจกลับมาสู่สนามท้องถิ่นนั่นคือการวางเดิมพันที่สูงมาก สส.คนใหม่ในการเลือกตั้งซ่อมจะชนะหรือไม่ เลือกตั้งนายกอบจ.ชนะหรือไม่ หากคำตอบออกมาว่าไม่แม้เพียงสนามเดียวก็ถือว่าสั่นคลอนมากโดยเฉพาะสนามอบจ.

นายกชาย เคยเสนอตัวลงนายกอบจ.ในการเลือกตั้งจากชาวบ้านโดยตรงมา 3 ครั้ง ยังไม่ชนะเลยสักครั้ง ครั้งนี้หากคู่ชิงคือผู้การชาติ ต้องบอกว่ามีดีกันคนละอย่าง ผู้การชาติรุ่นใหญ่แต่ประสบการณ์ท้องถิ่นน้อย นายกชายรุ่นน้องแต่ประสบการณ์เพียบน่าจะมีแต้มต่อที่ดีกว่า แต่หากพปชร.หนุนเต็มที่ ผู้การชาติก็คงมีอาวุธไม่น้อยในการใช้สู้ศึกเลือกตั้งเที่ยวนี้ และยังมีข่าวว่าต้นสังกัดประกาศเลยว่าสนามสงขลาแพ้ไม่ได้ หาก 2 คนนี้ลงชิงกันจริงเชื่อว่ากว่าจะบอกได้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะคงต้องรอบการนับคะแนนใบสุดท้ายกันเลย

ที่สนามนครหาดใหญ่ก็น่าสนใจไม่น้อยหากพี่หลวงคร มาลงในนามทีมพรรคประชาธิปัตย์ แล้วต้องมาชนกับลูกหม้อเก่าอย่างไพร พัฒโน ที่ลาออกไม่นั่งตบยุงเพราะไม่ได้ลงสส.มาแล้วปีกว่าๆ ตอนแรกที่ผู้การสาครขยับไปที่สนามอบจ. นครหาดใหญ่ก็เงียบเหงาแต่หากขยับกลับมาอีกครั้งก็คงต้องตอบคำถามชาวบ้านกันมากเช่นกัน แต้มที่เคยทำไว้หล่นหายไปเยอะคงต้องรีบมาเก็บมาสร้างกันใหม่ หากจะลงสนามนี้จริงๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลของการเลือกตั้งไม่ว่าสนามเล็กหรือใหญ่ ประชาชนเจ้าของสิทธิ์เท่านั้นที่จะเป็นให้คำตอบว่าเสียงส่วนใหญ่ให้ใครชนะ

นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มและสีสันการเมืองสงขลาส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่รู้วันเลือกตั้ง ยังไม่เปิดรับสมัคร จึงยังให้คำตอบไม่ไดว่าใครกันแน่ที่จะลงแข่งในสนามไหนบ้าง รอติดตามกันต่อไป