​ราคายางพุ่งไม่หยุด ลุ้นถึง 100 บาท/กก. จับตา แรงจริงหรือปรากฎการณ์ช๊อคตลาด?


29 ต.ค. 2563

เมื่อเช้าวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ราคาน้ำยางสดในจุดรับซื้อท้องถิ่นส่วนใหญ่อยู่ที่กิโลกรัมละ 67 บาทขึ้นไป ขณะที่ราคาจากตลาดกลงยางพาราอยู่ที่ 70.50 และเพิ่มขึ้นเป็น 74 บาทในเช้าวันนี้ ท่ามกลางอากาศที่แปรปรวนชาวสวนยางพาราต่างลุ้นกันทุกคืนว่าจะสามารถกรีดยางได้หรือไม่และขายได้ในราคาเท่าไหร่ในวันรุ่งขึ้น


ข่าวจาก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ "ราคายาง พุ่งไม่หยุด ลุ้น 100 บาท/กก.‼️"

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผย ราคายางยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สูงสุดในรอบ 3 ปี คาดว่าจะผ่านราคา 80 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ในเร็วๆนี้ โดยจากปัจจัยบวกที่มีต่างๆคาดว่าจะส่งผลให้ราคายางพาราจะขึ้นไปถึง 90-100 บาทต่อ(กก.)

ปี 2563 ราคายางพาราทุกประเภทจะปรับเพิ่ม สูงกว่าราคารับประกัน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมและฝนตกหนัก ในจีนตอนใต้และเวียดนาม ที่ทำให้ผลผลิตทั่วโลกลดลง ส่วนประเทศไทยปีนี้ภาคใต้มีฝนชุก เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดน้อยกว่าทุกปี ช่วงเดือน ต.ค.- พ.ย. นั้น จะออกมีผลผลิตสู่ตลาดกว่า 10% ของผลผลิตโดยรวม

เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ผลผลิตออกสู่ตลาด 4.41 แสนตันน้อยกว่าปกติที่จะมีผลผลิต ถึง 5.5 แสนตัน แต่ความต้องการใช้อยู่ที่ 5 หมื่นตัน ทำให้เกิดการไล่ซื้อ สถานการณ์นี้มีโอกาสที่ราคายางจะทะลุ 90-100 บาทต่อกก. นอกจากนี้ทุกประเทศยังมีปัญหาเรื่องการระบาดของโควิด 19 และกังวลกับว่าจะระบาดรอบที่ 2 ทำให้ความต้องการใช้ ถุงมือยางพาราเพิ่มขึ้นทั้งในวงการแพทย์ และเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานสถานการณ์การซื้อขายยางพารา ณ ตลาดกลางยางพารา จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ วันที่ 27 ต.ค.2563 ราคายางแผ่นดิบรมควัน ชั้น 3 ราคา 77.72 บาทต่อกก. สูงกว่าราคารับประกันประมาณ 30% จากราคาประกัน 60 บาทต่อกก. ราคาน้ำยางสด อยู่ที่ 68.50 บาทต่อกก. สูงกว่าราคาประกัน 20% จากราคาประกัน 57 บาทต่อกก.

ข่าวจาก เพจไทยคู่ฟ้า ข้อมูลโดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีข่าวดีมาบอกครับ...สัปดาห์นี้ราคายางพารายังแรงไม่หยุด โดยยางแผ่นรมควันพุ่งแตะสูงสุด 77.85 บาท/กก. ที่ตลาดกลางยางพารา จ.นครศรีธรรมราช ส่วนตลาดกลางฯ จ.สงขลา และตลาดกลางฯ จ.สุราษฎร์ธานี ราคาอยู่ที่ 77.72 บาท/กก. หลังจากเปิดตลาดสัปดาห์นี้เพียง 2 วัน ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 11 บาท คาดการณ์ว่าราคาสามารถพุ่งสูงต่อเนื่องแตะ 80 บาท/กก. ได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งราคายางจะยังคงอยู่ในแนวบวกอย่างต่อเนื่อง และทะลุแนวต้านสูงสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน

สาเหตุที่ราคายางปรับตัวสูงขึ้นมาจากหลายปัจจัย เช่น ปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติน้อยกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ ความต้องการยางในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ทั้งสินค้าประเภทยุทธภัณฑ์ ถุงมือยาง ยางยืด การจำหน่ายรถยนต์ของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเป็นผลพวงมาจากการดำเนินงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนโมเดล “เกษตรพาณิชย์ทันสมัย” ซึ่งเป็นความร่วมมือของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ทั้งโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง และล่าสุดคือ 6 มาตรการปฏิรูปยางพารา เพื่อเพิ่มราคา สร้างเสถียรภาพราคา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เน้นลงทุนแปรรูปส่งเสริมวิจัยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้กลยุทธ์ใหม่การขายการตลาดเชิงรุกเจาะจีนทุกมณฑลและเปิดตลาดใหม่ๆ ในประเทศต่างๆ

------------

ราคายางพุ่งแรงจริงหรือแค่ช๊อคตลาด

ในฐานะลูกชาวสวนยางและปัจจุบันก็ยังทำอาชีพกรีดยางก็ดีใจและยินดีที่ราคายางปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ราคายางดีก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะบอกว่าเป็นผลงานตัวเอง ในฐานะคนกรีดยางที่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยางราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาท และตกต่ำไม่ถึง 3 กิโล 100 มาแล้ว ราคายางที่พุ่งสูงขึ้นในวันนี้ขอบอกว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าไว้วางใจว่าจะขึ้นยืนยาวยั่งยืนขนาดไหน

ผมมีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจด้านยางพารารายใหญ่ เขาให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่านี่คือปรากฎการณ์ช๊อคตลาด ราคายางพุ่งขึ้นรายวันแบบที่ผู้ค้าเองก็ไม่คาดคิดว่าจะขึ้นพรวดพราดขนาดนี้ หากมองจากปัจจัยที่เห็นชัดที่สุดคือ ความต้องการถุงมือยางยังมีอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการยางพาราในตลาดมีสูงตามไปด้วย อีกปัจจัยคือเรื่องสภาพอากาศที่ปกติช่วงนี้ภาคอื่นๆ ยกเว้นภาคใต้จะไม่มีฝนแล้ว เมื่อการกรีดยางพาราทำได้ไม่เต็มที่ทั่วประเทศก็ส่งผลให้ยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลงตามไปด้วย

หากถามว่าราคายางจะพุ่งไปถึง 100/กก.หรือไม่และจะราคาสูงไปอีกยาวนานแค่ไหน อันนี้ตอบยากมากแม้ความต้องการยางพาราจะมีสูงในช่วงนี้แต่ก็ใช่ว่าจะหาอย่างอื่นมาทดแทนไม่ได้ ราคาช๊อคตลาดน่าจะอยู่ยาวถึงสิ้นปีหลังจากนั้นก็เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งต้องลุ้นกันอีกว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับไหน รัฐบาลมีความจริงใจในการผลักดันการแปรรูปยางเพื่อใช้ในประเทศมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าพอราคาในตลาดโลกพุ่งแล้วก็ไม่สนใจส่งเสริมการแปรรูปยางอย่างจริงจังเหมือนเช่นที่ผ่านมาอีก

ส่วนตัวผมพูดเสมอว่าในฐานะชาวสวนยางถ้าราคาหน้าสวนอยู่ที่ 60+ บาท/กก.ก็ถือว่าดีแล้ว อยู่ได้แล้ว หากได้มากกว่านี้ก็ถือว่าเป็นกำไรที่ควรรีบเก็บเกี่ยวไว้ก่อน เกษตรกรต้องไม่ลืมว่าเราเป็นแค่ผู้ผลิตไม่ใช่ผู้กำหนดราคา การทำเกษตรเชิงเดี่ยวคงไม่ใช่คำตอบของความยั่งยืนด้านความมั่นคงทางรายได้ ดังนั้นอย่าหลงกับราคายางที่สูงขึ้นจนรีบไปถอยป้ายแดง เปลี่ยนจากของถูกไปกินของแพงจนลืมสร้างภูมิกันที่ยั่งยืนให้ตัวเอง "เศรษฐกิจพอเพียง" คือคำตอบที่พ่อสอนไว้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยและทุกสถานการณ์ครับ

ต้อม รัตภูมิ 0897384215 รายงาน