ส่องสนามสงขลา ร่วมพลังร่วมสร้างสุข VS รวมพลังร่วมโค่นประชาธิปัตย์
สนามเลือกตั้งอบจ.สงขลา ส่วนของนายกอบจ.มีผู้สมัครถึง 6 ราย แต่แน่นอนว่าที่ถูกจับตาและยกให้เป็นคู่แข่งตัวเอกระหว่าง พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล ทีมสงขลาประชารัฐ และว่าที่ร้อยตรีไพเจน มากสุวรรณ์ ทีมพรรคประชาธิปัตย์
การเลือกตั้งเที่ยวนี้มีความผันแปรทันทีเมื่อช่วงใกล้ถึงกำหนดวันรับสมัครเมื่อกกต.มีข้อห้ามไม่ให้ข้าราชการการเมือง นั่นหมายถึง สส.สว.ผู้ช่วยหรือนักการเมืองท้องถิ่นสนามอื่นมาช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกและสจ.ทำให้ต้องมีการเก็บป้ายกันแทบไม่ทัน โดยเฉพาะฝั่งประชาธิปัตย์ที่ขึ้นป้ายไปทั่วเมืองแล้ว
พรรคพลังประชารัฐ ก็ประกาศไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคทุกจังหวัด ทีมงานผู้การชาติเลยต้องไปติดสติ๊กเกอร์ พ่นสีทับโลโก้พรรคบนป้ายหาเสียงพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นทีมสงขลาประชารัฐ เดินหน้าหาเสียงอย่างหนักหน่วงเหมือนเดิม โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้การชาติ พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล ทีมสงขลาประชารัฐ ได้หมายเลข 2 พร้อมส่งผู้สมัครสจ.ลงครบทั้ง 36 เขต และว่าที่ร้อยตรีไพเจน มากสุวรรณ์ ทีมพรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 3 และส่งสจ.ครบทุกเขตเช่นกัน
นาทีนี้ถ้าเป็นมวยไทยต้องบอกว่าขึ้นยกที่ 2 แล้ว จะให้ชี้ว่าใครชนะคงดูไม่ออกแต่หากถามว่าใครแต้มต่อกว่าก็บอกไม่ถูกอีกเช่นกัน ผู้การชาติเปิดตัวล่วงหน้ามาเป็นปีมีทีมฝ่ายบริหาร ทีมว่าที่สจ.มาโชว์ชาวบ้านก่อนและลุยหาเสียงมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และยังมีสส.พลังประชารัฐในสงขลาถึง 4 คน+1 จากภูมิใจไทย ที่ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื่อ ประกาศว่ามีพี่สะใภ้ร่วมเป็นเลขาในทีมผู้การชาติ แม้ออกหน้าช่วยหาเสียงไม่ได้แต่นั้นหมายถึงว่าผู้การชาติ มีแรงหนุนจากสส.ถึง 5 คน
ขณะที่นักชกมือใหม่ ไพเจน เบอร์ 3 หากเทียบกันอาจเป็นกระดูกคนละเบอร์แต่เพราะเปิดตัวด้วยพี่เลี้ยงถึง 4 คน นิพนธ์-ถาวร-สุรินทร์-เดชอิศม์ แถมตรีตราด้วยทีมพรรคประชาธิปัตย์ ผนึกกับได้อดีตสจ.มาร่วมทีมเกือบทั้งหมด ไม่มีใครกล้าบอกว่านี่คือมวยรองแม้ในวันขึ้นชกจริงพี่เลี้ยงมือดีจะถูกห้ามนั้งข้างหรือขึ้นเวทีช่วยแต่ยังคงเป็นกองหนุนอยู่เหมือนเดิม หากมีการเปิดเวทีปราศรัยก็เป็นที่น่าสนใจว่ามีใครมาขึ้นช่วยดึงคนช่วยสร้างสีสันได้บ้าง
ดูทีมฝ่ายบริหารที่เปิดตัวกันก่อนหน้านี้ ฝั่งผู้การชาต มาพร้อมสโลแกนล่าสุด มาเพื่อพัฒนาไม่ได้มาเพื่อผลประโยชน์ รองนายกฯ เอกพงษ์ ยีหล๊ะ หรืออิหม่ามกิ๊บ กรรมการมัสยิดควนลัง อ.หาดใหญ่ สาทร สิกกะ ตัวแทนจากสะบ้าย้อย อดีตนายกอบจ.สงขลาคนแรก และอดีตรองนายกด่านนอก อมรรัตน์ ศรีสถิตวงศ์ ทีมที่ปรึกษา นายแพทย์ธีรวัฒน์ กรศิลป์ และสนธยา หมัดหมัน เลขานุการนายก สมชาย เล่งหลัก อดีตผู้สมัครสส.เขต 5 และณัชนาริชาต์ คชาทอง คนนี้พี่สะใภ้สส.หนุ่ยเขต 7
ส่วนทีมไพเจน ปชป.ดูเหมือนจะเปิดไม่ครบทุกคน ทีมรองนายกมีคุณนายน้ำหอม สุภาพร กำเนิดผล ภรรยานายกชาย สส.เดชอิศม์ ขาวทอง อับดลรอหมาน กาเหย็ม อดีตรองนายกอบจ.ยุคนิพนธ์ บุญญามณี และชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว อดีตสส.เขต 4 มาในโควต้าถาวร เสนเนียม ส่วนเลขาฯ มีเพียงชื่อของปรินดา ปาลาเร่ มาในโควต้าสส.สุรินทร์ เพียงคนเดียว อีกตำแหน่งรวมถึงที่ปรึกษายังไม่มีรายชื่อเป็นทางการออกมา ซึ่งรายชื่อส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมาในโควต้าตัวแทนสส.ปชป.เป็นหลัก
ป้ายหาเสียงและการลงพื้นที่ภายหลังการเปิดรับสมัครดูเหมือนทีมผู้การชาติจะเข้มแข็งเข้มข้นกว่ามาก แต่ทีมไพเจน ก็ใช่ว่าจะนิ่งเสียทีเดียวด้วยตัวสจ.ที่ส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนเดิมผลงานและความคุ้นเคยกับชาวบ้านย่อมมีมากกว่า ตอนนี้ทั้งกระแสและกระสุนคอการเมืองให้ไปทางผู้การเป็นต่อเล็กน้อย ต้องรอดูว่าทีพี่เลี้ยงสีฟ้าจะแก้เกมส์อย่างไรซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง แต่มุมมองของผู้เขียนคงไม่สำคัญเท่าเจ้าของสิทธิ์ตัวจริงนั่นคือชาวสงขลา 1 ล้านกว่าเสียงเท่านั้นที่จะกำหนดว่าจะเลือกใครเข้าสภา 20 ธันวา 63
ต้อม รัตภูมิ 0897384215 รวบรวม/รายงาน