เงินกู้ออนไลน์ ภัยที่ต้องระวัง (บทความการเงิน)

เงินกู้ออนไลน์ ภัยที่ต้องระวัง

ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้หดหาย แต่รายจ่ายยังต้องมี ทำให้แก๊งมิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ปล่อยเงินกู้นอกระบบทางออนไลน์ มีการโฆษณาเชิญชวนผ่านเฟชบุ๊ก ผ่านไลน์ บางแก๊งหัวใสสร้างแอพพลิเคชั่นให้ติดตั้งบนมือถือ และมักจะใช้ชื่อที่คุ้นหูฟังดูน่าเชื่อถือคล้ายๆ กับผู้ให้บริการทางการเงิน บางทีก็แอบอ้างและปลอมแปลงหนังสือของหน่วยงานภาครัฐ เช่น แบงก์ชาติ ก็มีวิธีการของมิจฉาชีพพวกนี้จะหลอกลวง 2 ลักษณะ คือ

ภาพจากเพจ กองปราบปราม

1) ให้กู้จริง แต่คิดดอกเบี้ยที่สูงมากเกินกฎหมายกำหนด แล้วยังมีการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ทั้งโทรศัพท์ข่มขู่และคุกคามสารพัด เช่น แอพพลิเคชั่น ทรูแคชโปร ที่มีนายทุนเป็นชาวจีน และเพิ่งถูกตำรวจรวบตัวไปเมื่อกลางปีนี้

2) ไม่ได้เงินกู้จริง แต่มีกลลวง หลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมมาก่อนเพื่อจะได้รับเงินกู้ แถมฝากความช้ำไว้ให้ด้วยการหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน ไปเปิดบัญชีเพื่อหลอกเหยื่อรายอื่นให้โอนเงินเข้ามา หรือเอาไปกระทำการทุจริตจนผู้ที่ถูกหลอกอาจโดนเข้าข่ายตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนพวกมิจฉาชีพได้

แต่หากจำเป็นต้องใช้บริการเงินกู้ผ่านแอพพลิเคชั่น ควรใช้บริการของธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ และหากเจอเหตุการณ์แบบนี้สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1599 และ 02 2255 1898 หรือศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) โทร. 1359 แต่หากไม่แน่ใจว่าคนที่ติดต่อเรามาเป็นหน่วยงานภาครัฐจริงหรือมิจฉาชีพกันแน่ ก็สามารถโทรมาปรึกษาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 ได้ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น.

เพราะเรื่องภัยทางการเงินเป็นเรื่องใกล้ตัว จึงควรมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจก่อน และติดตามรับฟังข้อมูลข่าวสารทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะภัยหลอกหลวงทางการเงิน เพราะไม่มีใครจะให้เงินเราง่ายๆ หากเค้าไม่ได้รับผลประโยชน์หรอก จริงไหมครับ

ผู้เขียน ธีรธัชช์ จำเริญนุสิทธิ์, สุรเชษฐ์ ศรีภูริรักษ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย