ก่อนถึงวันปิดหีบสนามนครหาดใหญ่ยังร้อนระอุ ไพรเก๋า-สาครสด-แป้นเปลี่ยน-พงษ์ศักดิ์สู้-ประยูรส้ม
ถ้าเป็นการวิ่งมาราธอนต้องบอกว่านาทีนี้คือร้อยเมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัยกันแล้วสำหรับการเลือกตั้งเทศบาล ที่เทศบาลนครหาดใหญ่ สนามใหญ่สุดของภาคใต้ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษเพราะมีผู้สมัครถึง 5 ทีม มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปจนเรียกว่าน่าจะมีลุ้นกันได้ทุกคน ย้ำรายชื่อผู้สมัครกันอีกรอบประกอบด้วย
เบอร์ 1 นายณรงค์พร ณ พัทลุง ทีมปลัดแป้น
เบอร์ 2 นายไพร พัฒโน ทีมดร.ไพร
เบอร์ 3 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ที่มพี่หลวงคร
เบอร์ 4 นายพงษ์ศักดิ์ จิโรภาส พงษ์ศักดิ์พัฒนา
เบอร์ 5 นายประยูร วงศ์ปรีชากร ทีมคณะะก้าวหน้า
ถึงนาทีนี้คอการเมืองส่วนใหญ่ยกให้เบอร์ 2 กับเบอร์ 3 เป็นคู่ที่สูสีที่สุดซึ่งเมื่อมาดูปัจจัยต่างๆ แล้วก็เห็นชัดว่าทั้งคู่มีจุดเด่นที่ชัดเจนพอที่จะฟัดกันได้แบบสมน้ำสมเนื้อ ไพร พัฒโน อดีตสส.อดีตนายก 3 สมัย เจนจัดในเวทีการเมืองลีลาวาทกรรมถือว่ายังยอดเยี่ยม นับตั้งแต่เลือกตั้งอบจ.เขาก็เป็นแม่ทีมให้ผู้การชาติในเขตเมืองจนกวาดสจ.ได้หมดทั้ง 4 เขต ต่อเนื่องมาถึงการเลือกตั้งนครหาดใหญ่ ไพร พัฒโน ขยันลงพื้นที่มากๆ เรียกว่าหัวรุ่งก็ลุยกันเลยยาวไปจนถึงค่ำๆดึกๆกันเลย
เวทีย่อยที่เรียกว่าไฮปาร์คถูกเปิดในทุกตลาดทุกชุมชนบนรถยนต์คันเดียวหรือแม้แต่กับมอเตอร์ไซค์เขาก็ใช้ลุยหาเสียงแบบไม่เว้นให้มีช่องว่างเลย มากกว่า 15 ปีที่อยู่กับชุมชน ความเหนียวแน่น ความเชื่อมั่นที่ประธานชุมชน กลุ่มอาชีพต่างๆ ได้รับร่วมกับเทศบาลภายใต้การนำของนายกไพร จึงเป็นฐานเสียงสำคัญให้เขาได้อยู่และเจ้าตัวเชื่อมั่นว่าเพียงพอสำหรับการป้องกันแชมป์ใหม่ในสมัยที่ 4
ส่วนบาดแผลก็มีชัดเจนในเรื่องคดีความซึ่งถูกโจมตีว่าเป็นายกไม่สง่างามบ้าง เลือกแล้วอาจต้องเลือกใหม่เพราะคงอยู่ไม่ครบเทอม ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการทุจริตแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจแล้วมีเพียงการพยายามโจมตีทางการเมืองเท่านั้น อีกประเด็นคือทีมฝ่ายบริหารที่ไม่มีความชัดเจนว่ามีใครบ้างจนเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะเก็บเก้าอี้ไว้ให้คนกันเองใช่หรือไม่ สรุปภาพรวมจากการเกาะติดพื้นที่มานาน สท.ก็เป็นชุดเดิมเกือบทั้งหมด โอกาสของไพร พัฒโน ในการคัมแบ็คกลับมาอีกครั้งจึงเป็นไปได้สูง
ส่วนพี่หลวงคร พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี มาหลังดังกว่าจนสามารถเร่งเครื่องแซงเหมือนสนามอบจ.ได้หรือไม่คือสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง อดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวคนแรกของประเทศไทยฟอร์มที่มมาเป็นอย่างดีในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ โดยเฉพาะชื่อของสมพร ใช้บางยาง ที่รับเป็นที่ปรึกษาทีมเป็นที่ถูกใจหลายคนเพราะสุภาพบุรุษผู้นี้มีผลงานเด่นทั้งสมัยเป็นผู้ว่าฯสงขลา และทำงานระดับชาติ ฝ่ายบริหารแม้จะเปิดตัวช้าไปบ้างแต่เปิดเต็มทุกตำแหน่งและสามารถดึงคนที่เคยทำงานใกล้ชิดอดีตนายกไพรมาร่วมทีมได้ด้วย
ความสดใหม่ในเวทีการเมืองที่ชูเรื่องความสุจริต ชูนโยบายทันสมัย คอนเน็คชั่นที่เหนียวแน่นทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่นที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับอบจ.ในการร่วมกันฟื้นหาดใหญ่ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างแลนด์มาร์คให้เมืองหาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ส่วนจุดบอดที่มีบ้างคอการเมืองบอกว่าทีมน้อลงพื้นที่น้อย เวทีหาเสียงน้อยกว่าคู่แข่ง ผู้สมัครสท.ส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าใหม่ในเวทีการเมืองจึงไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่
แต่ใช่ว่าทีมอื่นจะไม่มีโอกาส เบอร์ 1 ปลัดแป้น นายณรงค์พร ณ พัทลุง ที่มามากับแนวคิดเปลี่ยนหาดใหญ่ ชูนโยบายเทศบาลสวัสดิการ ถนนทุกสายต้องเรียบ สร้างโรงพยาบาลเทศบาล สร้างถนนคนเดินหาดใหญ่ที่คลองเตย ช่วงเปิดตัวแรกๆ ดูเหมือนกระแสเปลี่ยนจะมาแรงแต่มาแผ่วปลายหรือเปล่าเพราะเวทีประชันวิสัยทัศน์ 2 เวทีหลังเจ้าตัวก็ไม่ไปร่วมซึ่งไม่รู้ว่าซุ่มเก็บคะแนนอยู่หรือเปล่า ชื่อของปลัดแป้น นั้นบอกเลยว่าคู่แข่งประมาทไม่ได้
เบอร์ 4 นายพงษ์ศักดิ์ จิโรภาส พลาดไป 2 สมัยแต่ใจยังสู้เที่ยวนี้ฟอร์มทีมมาดียืนยันชัดเจนลงในทีมพงษ์ศักดิ์พัฒนา ชาวหาดใหญ่ร่วมคิดร่วมทำ ไม่สังกัดพรรคการเมือง จุดเด่นของพงษ์ศักดิ์ คงเป็นความขยันความตั้งใจที่เดินไม่หยุดแม้ไม่เคยถููกยกเป็นเต็ง 1 แต่เที่ยวนี้หลายคนบอกว่านโยบายน่าสนใจมาก บางคนเห็นความตั้งใจแล้วพร้อมยกคะแนนให้ บางคนบอกสงสารลงมาหลายทีแล้ว เขาอาจเป็นจุดเปลี่ยนของสนามนครหาดใหญ่ก็ได้
เบอร์ 5 ประยูร วงศ์ปรีชากร มาครั้งใหม่ในนามคณะก้าวหน้าในอดีตที่จำได้เขาเคยลงแข่งนายกยุคไพร 1 ในนามเกียรติภูมิ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเห็นในเวทีการเมือง เที่ยวนี้ก็เพิ่งเปิดตัวช่วงใกล้เลือกตั้งแล้วโดยทีสมบูรณ์ พงศ์เลิศนภากร ที่ลุยหาเสียงมาก่อนเปิดทางให้ลงนายกโดยตัวเองขยับไปเป็นที่ปรึกษา ซึ่งการมาสังกัดคณะก้าวหน้าเป็นการแลกหมดหน้าตักด้วยการทิ้งคะแนนจากหลายคนที่เคยสนับสนุน แล้วมาหวังคะแนนจากบางกลุ่มส่วนจะมากพอต่อการเป็นผู้ชนะหรือไม่นั้นก็คอยดูกัน
การเลือกตั้งในวันที่ 28 มีนาคม 2564 ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่กว่าหนึ่งแสนเสียงยังมีเวลาตัดสินใจจะเลือกใครเข้าไปกำหนดอนาคตนครหาดใหญ่เป็นคนต่อไป ขอให้ท่านเชื่อมั่นว่าบทวิเคราะห์วิจารณ์จากสื่อต่างๆ ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ปลายปากกาคุณเท่านั้น ออกไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ น่ะครับ