ลัดเลาะขึ้นเขาชมวิว ไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ วนอุทยานท้าวโกษา
วันนี้ทีมงาน Gimyong Style จะพาไปปีนป่ายขึ้นที่สูง เพื่อชมวิวแบบไม่มีอะไรกั้นกันที่ วนอุทยานท้าวโกษา หรือที่เรียกกันว่า เขากะโหลก ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
เขากะโหลก มีลักษณะภายนอกมองคล้ายกับหัวกะโหลก หากมองจากชายหาดจะมองไม่ออก ต้องนั่งเรือไกลออกไปในทะเลแล้วมองเข้ามา จึงจะเห็นรูปทรงกะโหลกได้อย่างชัดเจน และแน่นอนว่าไม่ใช่ลักษณะกะโหลกของมนุษย์ เนื่องจากมีส่วนที่คล้ายปากยื่นยาวออกมา ดูคล้ายกับกะโหลกสัตว์มากกว่า
เขากะโหลกนี้ สูงเพียง 25 เมตร มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้วยระยะทางเพียง 150 เมตร จากจุดเริ่มต้นจนถึงยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว แต่เป็นภูเขาหินที่มีความชันและสลับซับซ้อนมากพอสมควร เหมาะสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย ผู้ที่ชอบปีนเขาหรือหน้าผา แต่บุคคลธรรมดาทั่วไปก็สามารถเดินขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ เพราะตลอดเส้นทาง จะมีตัวช่วยคือเชือกนำทาง และ ป้ายบอกทาง ไปจนถึงยอดเขา
ก่อนจะขึ้นไปบนเขากะโหลก สำรวจความพร้อมของตัวเองกันก่อนสักนิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ควรจะกระชับ รัดกุม รองเท้าควรเป็นรองเท้าผ้าใบ และสัมภาระต้องไม่มากหรือหนักจนเกินไป ทำตัวเบา ๆ เข้าไว้จะได้ปีนป่ายขึ้นเขากันได้อย่างไม่ทุลักทุเล
พร้อมกันหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลย
ในช่วงนี้ เน้นการท่องเที่ยวแบบ New Normal นะ มาที่จุดคัดกรองก่อนเลย
สิ่งที่ต้องทำก่อนคือการลงทะเบียนที่จุดคัดกรอง และวัดอุณหภูมิ ซึ่งตรงนี้คือด้านหน้า จากนั้นเราจะเดินไปขึ้นเขาทางด้านหลัง จุดเริ่มต้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอยู่ด้านหลังเขากะโหลก เดินไปตามริมถนนเรื่อย ๆ
นั่งพักก่อนได้นะ แต่อ่านป้ายเตือนเรื่องความปลอดภัยดี ๆ ด้วย
เดินมาหน่อยเดียวก็ถึงจุดทางขึ้นเขาแล้ว ในป้ายบอกระยะทางไป-กลับ คือ 300 เมตร
เห็นทางขึ้นแล้วรู้สึกว่าไม่น่าจะยากอะไรนี่นะ
เดินสบาย ๆ อาศัยเชือกนำทาง
เส้นทางเริ่มชันขึ้นแล้ว แต่ยังมีเชือกนำทางอยู่ ซึ่งประโยชน์ของเชือกนี้ นอกจากไว้บอกเส้นทางแล้ว ยังไว้ยึดเกาะพยุงตัวได้อีกด้วย
นอกจากเชือก สิ่งที่เราต้องคอยสังเกตอีกอย่างคือ ลูกศรสีเหลือง ซึ่งจะคอยบอกทางให้เราเดินหรือปีนป่ายไปถูกทาง ไม่หลงวนเวียนอยู่บนภูเขาหินลูกนี้
บางจุด ซึ่งก็หลายจุด ที่ไม่มีเชือกนำทาง เนื่องจากลักษณะของภูเขาที่เป็นภูเขาหิน ไม่มีที่สำหรับจะมัดหรือยึดโยงเขือก
สิ่งที่เราจะต้องมองหาให้ดีคือ ลูกศรบอกทางสีเหลืองนี้ บางทีก็จะกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เศษใบแม้แห้งสีเหลืองเช่นกัน
ฉะนั้น จงมีสติอยู่ตลอดเวลา
มองรอบตัว นอกจากไม่มีเชือกนำทาง ยังไม่มีหนทางให้เดินไปต่อ นอกเสียจากว่าต้องมุดเข้าไปตรงทางเล็ก ๆ นี้
สังเกตจากรอยเท้าที่ย่ำเปรอะไปทั่วบริเวณ นี่คงเป็นเส้นทางสำหรับไปต่อ
มองลงไป คล้ายขั้นบันไดแคบ ๆ คงจะเป็นทางนี้ล่ะ
มาทางนี้ถูกต้องแล้ว
ตลอดเส้นทาง จะมีถ้ำหรือโพรงให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งบางทีก็มืดมากจนมองเข้าไปไม่เห็นอะไรเลย
ยังคงไม่มีเชือกนำทางปรากฎให้เห็น สังเกตลูกศรบอกทางไว้นะ
เห็นว่าเป็นหินเรียบ ๆ แบบนี้ ลื่นมากนะ ต้องเดินระวังดี ๆ หน่อย
ระหว่างเส้นทาง มีโพรง มีถ้ำ เป็นระยะ ๆ
ปีนขึ้นมาตั้งนานแล้ว ยังมองไม่เห็นว่าจะมีเชือกตรงไหนอีกเลย ต้องหมั่นสังเกตลูกศรเหลือง ๆ รอบตัว
จุดนี้ มีทั้งเชือกและลูกศร
เชือกหายไปแล้ว เหลือไว้แค่ลูกศร
ถึงยอดเขากะโหลกแล้ว
จุดชมวิว
ป้ายบอกทาง
จากยอดเขา เราสามารถเดินกลับเส้นทางเก่าซึ่งอยู่ด้านหลังเขากะโหลก หรือจะเดินลงไปทางชายหาด ซึ่งเป็นเส้นทางวนอ้อมเขา ระยะทางเท่ากันคือ 150 เมตร
ไหน ๆ มาถึงตรงนี้แล้ว ย้อนกลับทางเดิมทำไมกัน ไปต่อข้างหน้าดีกว่านะ
เส้นทางลง แทบไม่ได้ต่างอะไรกับตอนขึ้นมาเลย
มองหาเชือก มองหาลูกศร หมุนจนรอบตัว ไม่เจออะไรเลยนอกจากถ้ำเบื้องล่าง เอาใหม่ ตั้งสติ
เดินมาอีกนิด นิดเดียวเท่านั้น ก็เจอลูกศรบอกทาง รู้สึกโล่งใจแปลก ๆ
แต่ .... เอ๊ะ!!!!
ถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะไม่เห็นทางลงที่ทำไว้กลมกลืนกับธรรมชาติ
เห็นเชือกข้างล่างแล้ว ทางลงก็เห็นแล้ว ค่อย ๆ เดินลง เพราะจุดนี้ไม่มีเชือกให้ยึดจับ แถมทางก็ชันและลื่น
เส้นทางบนเขากะโหลก ลื่นมากจริง ๆ ทีมงานเกือบจะกลิ้งตกลงไปก็หลายหน
เส้นทางลงก็ยากไม่แพ้เส้นทางขึ้น แต่เหนื่อยก็หยุดพัก ชื่มชมกับธรรมชาติที่สวยงามก่อน ใกล้ถึงชายหาดแล้ว
อีกนิดจะไปยืนอยู่บนชายหาด เจอป้ายบอกเส้นทางไปลงอีกจุด
แต่ระยะทางไป-กลับ 1 กิโลเมตรเลยเชียวนะ
ทีมงานคำนวณในใจ ปีนขึ้นมา 150 เมตร เดินลงมาถึงตรงนี้ก็ 150 เมตร รวมทั้งหมด 300 เมตรเอง
แต่สภาพอาบเหงื่อต่างน้ำ แข้งขาล้าจนไม่อยากยกแล้ว
เส้นทางนั้น ติดไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน
บันไดหินเริ่มเดินง่ายขึ้นแล้ว มีราวให้ยึดเกาะยาวไปตลอดขั้นบันได
ในที่สุด!!!! ถึงชายหาดโดยสวัสดิภาพเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย นอกจากสูญเสียเกลือแร่จากการออกกำลังกายปีนเขาเท่านั้นเอง
ลงจากเขากะโหลกมาแล้ว ก็เดินตรงไปเลย จะไปเจอกับจุดคัดกรองที่เราไปลงทะเบียนกันตอนแรกนั่นแหละ
และระหว่างทาง ก็ยังมีมุมสวย ๆ ให้แวะถ่ายรูปกันอีกนิด
ใครจะไปคิดว่า ระยะทางแค่ 300 เมตร จะทำให้เหนื่อยหนักขนาดนี้ แต่การปีนขึ้นเขากะโหลกครั้งนี้ ก็ให้ประสบการณ์ที่สนุก ระทึก แบบสุด ๆ ไปเลยเช่นกัน
ครั้งหน้า Gimyong Style จะพาไปเที่ยวที่ไหน โปรดคอยติดตามกันด้วยนะ