ปลดล๊อกพืชกระท่อมจากยาเสพติด อย่าเพิ่งดีใจยังมีกฎเกณฑ์อีกหลายอย่างที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
ข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) (27 พ.ค.64) "สมศักดิ์" ปลื้ม กม.ปลดล็อกพืชกระท่อมประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมกันทำสำเร็จ ขอประชาชนอดใจรออีก 90 วัน ปลดล็อกสมบูรณ์ เร่งทำกฎหมายรองให้ทันเวลา ยื่นเรื่องให้ อย. เอาออกจากบัญชียาเสพติด และสำรวจผู้ต้องขังเตรียมปล่อยตัว พร้อมผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้แก่ประชาชน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2564 (ยกเลิกพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษ) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2564 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปว่า “ตนดีใจที่สามารถผลักดันกฎหมายฉบับนี้จนประกาศใช้ได้สำเร็จ ต้องขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่านที่ทำกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ซึ่งเหมาะสมกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน แต่นี่ถือว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่ง ขอให้ประชาชนอดใจรออีกไม่นาน กฎหมายทุกอย่างจะสมบูรณ์ ซึ่งตนเชื่อว่าทำได้ทันกรอบเวลา หากเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว ผู้เคี้ยวผู้เสพตามวิถีปกติ ไม่ได้นำไปผสมกับสารเสพติดอื่นๆ จะไม่มีความผิด ส่วนการปลูกโดยประชาชนจะเสรี แต่การจะปลูกใหม่ต้องรอร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. .... ก่อน ซึ่งถือว่าตอนนี้พืชกระท่อมเกือบจะหลุดจากยาเสพติดโดยสมบูรณ์แล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ คือ การเร่งจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. .... ที่จะออกมาบังคับใช้เพื่อกำกับดูแลการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดภายหลังถอดจากยาเสพติดให้โทษแล้วนั้น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ขอให้กระทรวงยุติธรรมแจ้งยืนยันร่างที่กฤษฎีกาแก้ไขไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเนื่องจากกฤษฎีกามีการแก้ไขหลักการ จึงต้องนำเข้า ครม. อีกครั้งหนึ่ง และได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเตรียมออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ระบุชื่อ ยาเสพติดประเภท 5 โดยให้ยกเลิกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดประเภท 5 ซึ่งประกาศสาธารณสุขจะต้องมีผลในวันที่ 24 ส.ค. 2564 เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ เลขาธิการ ป.ป.ส. เร่งสำรวจจำนวนผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) ในชั้นพนักงานสอบสอน อัยการ หรือพิจารณาคดีในชั้นศาล รวมถึงที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ว่ามีกี่คดี กี่คน ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัว ยกเลิกการดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งจะได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ ในวันที่ 24 ส.ค. 2564 จะได้ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป
--------------------------------------
กระท่อม กำลังถูกเปลี่ยนจากยาเสพติดมาเป็นพืชสมุนไพร อาจถูกพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์เหมือนที่เกิดขึ้นกับกัญชาที่เริ่มมีขายกันแพร่หลายในปัจจุบันที่บางคนยังสงสัยว่า ถ้าดื่มแล้วจะฉี่ม่วงไหม ตำรวจตรวจแล้วถูกจับไหม กัญชาในปัจจุบันยังมีกฎหมายควบคุมไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกได้จะเอาไปทำอะไรก็ได้ ทุกอย่างมีขั้นตอนมีกฎหมายที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงมือปลูกไม่เช่นนั้นแล้วอาจมีความผิดได้
หลังวันที่ 24 สิงหาคม 2564 พอสรุปได้เบื้องต้นว่า "กระท่อม" ไม่ใช่พืชยาเสพติดไม่ผิดกฎหมายสำหรับผู้ที่ปลูกเพื่อบริโภคแบบเคี้ยวใบ ต้มดื่มแบบน้ำชา ซึ่งตัวผมเองเกิดมาใต้ต้นกระท่อมก็ว่าได้เพราะพ่อกินใบท่อมมาตั้งแต่จำความได้ ผมมีหน้าที่ขึ้นต้นกระท่อม เพื่อเลือกใบสวยๆ โดนแดดดีๆ มาให้พ่อ ผู้ใหญ่หลายคนแถวบ้านมีถุงประจำกายอยู่ 2 อย่างคือ ถุงใบจากยาเส้นและถุงใส่ใบกระท่อม ตอนผมเด็กๆ ประมาณปี 30 ต้นๆ จำได้ว่าพ่อเคยถูกจับใบกระท่อมครั้งนึงเพราะตำรวจมาสืบคดีบางอย่างในพื้นที่แล้วเห็นถุงกระท่อมแขวนที่แฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ เลยถูกจับต้องจ่ายเงินถึง 3,000 บาท ซึ่งถือว่ามากพอสมควรในยุคนั้น
จำได้ว่าในจังหวัดสงขลา-พัทลุง เกือบทุกบ้านที่ผมไปกับพ่อจะมีต้นกระท่อม ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ที่ไกลบ้านสักนิดใครเดินผ่านก็เก็บกันได้ตามสะดวก จนมาถึงยุคหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีนี้เองที่กระท่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัยรุ่นที่ใช้ทำสิ่งที่เรียกว่ายาเสพติด ถูกนำมาเป็นส่วนผสมต้มกับยาแก้ไอ เครื่องดื่มน้ำดำ จนหน่วยงานภาครัฐต้องปราบปรามกระท่อมกันจริงจังอีกครั้ง พืชที่เคยแบ่งให้ฟรีๆ หรือขายกันถูกๆ กลายเป็นมีราคาขึ้นมาทันที ผลผลิตในพื้นที่ขาดแคลนจนต้องลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นคดียาเสพติดที่ตำรวจบ้านเราจับมากที่สุดก็ว่าได้
สรุปในเบื้องต้นว่าใบกระท่อม หลังวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ถ้าปลูกไว้เพื่อกินใบ ไว้เป็นสมุนไพรประจำบ้าน ไม่มีความผิดอะไร แต่การนำมาต้มที่มีส่วนผสมที่เรียกว่าสี่คูณร้อย มียาแก้ไอบางชนิดห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองจึงน่าจะยังมีความผิดอยู่ ส่วนการปลูกเพื่อการค้าขายเชิงพาณิชย์ก็ต้องรอดูกันว่าภาครัฐเขามีมาตรการรอย่างไรบ้าง อย่าเพิ่งดีใจกันน่ะวัยรุ่นขึ้นชื่อว่ายาเสพติด อบายมุขนั้นเป็นของไม่ดีเลิกได้ก็เลิกเสียดีกว่าครับ