​ครม.อนุมัติจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมกว่า 30 ล้านโด๊ส (ซิโนแวก ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา)


14 ก.ค. 2564

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยอนุมัติจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ได้แก่ วัคซีนซิโนแวค 10.9 ล้านโดส วงเงิน 6,111 ล้านบาท ตามข้อเสนอของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส เป็นวัคซีนหลักฉีดฟรีให้กับประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคดำเนินการและนำข้อสังเกตของอัยการสูงสุด ไปจัดทำรายละเอียดในการเจรจาจัดหา จำนวน 20 ล้านโดส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสัญญาได้ รวมถึงการรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ไทยอีกจำนวน 1.5 ล้านโดส ซึ่งจะจัดส่งให้ไทยภายในปีนี้ วัคซีนโมเดอร์นา 5-9 ล้านโดส เป็นวัคซีนทางเลือกซึ่งประชาชนต้องซื้อกับเอกชน โดยกระทรวงสาธารณสุขให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นตัวกลางจัดหา จำนวนประมาณ 5-9 ล้านโดส และนำเข้าภายในไตรมาส 4 หรือประมาณเดือนตุลาคม ปีนี้

การทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นา เอกชนจะต้องแจ้งความประสงค์และจำนวนการจอง รวมถึงชำระเงินล่วงหน้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากโรงพยาบาลเอกชน กว่า 300 แห่งทั่วประเทศพบว่ามีความต้องการทั้งกว่า 9 ล้านโดส คาดว่าจะจัดหาได้เบื้องต้นราว 5 ล้านโดส โดยในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค. 64) นี้สามารถจัดส่งให้ได้ก่อน 4 ล้านโดส และอีก 1 ล้านโดสจัดส่งให้ในปีหน้า (ม.ค.-มี.ค. 65) คาดว่าภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมนี้ องค์การเภสัชกรรมจะได้หารือกับทางบริษัทซิลลิค เพื่อนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา

เน้นฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ-ผู้เสี่ยงป่วยรุนแรงก่อน ตามที่กรมควบคุมโรคได้ปรับแนวทางการวัคซีน โดยเน้นระดมฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและผู้ที่เสี่ยงป่วยรุนแรง ทั้งจุดฉีดในโรงพยาบาล นอกสถานที่และบริการเคลื่อนที่ โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กรุงเทพฯ (1.8 ล้านโดส) ฉีดให้ได้ 70% ภายใน 2 สัปดาห์, ปริมณฑลฉีดภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และจังหวัดอื่น ๆ (17.85 ล้านโดส) ฉีดภายในเดือนสิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ให้ใช้วัคซีนช่วยควบคุมการระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงการระบาดวงกว้าง โดยฉีดกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มอยู่ในพื้นที่ (Settings) ที่มีโอกาสระบาดรุนแรงวงกว้าง ร่วมกับชุมชนโดยรอบ (ring vaccination), กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อสูง และกลุ่มมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อสูง

พร้อมเตรียมฉีดเข็ม 3 แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่ง ศ.เกียรติคุณ นพ. อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่าคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของ ศบค. ที่มี ศ. คลินิกเกียรติคุณ นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน มีมติว่ากลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบูสเตอร์ โดส (Booster Dose) ก่อนเป็นกลุ่มแรก โดยคนกลุ่มนี้มีกว่า 7 แสนคน และมีจำนวนหนึ่งที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว การจะให้บูสเตอร์โดสต้องใช้วัคซีนต่างชนิดกัน หากวัคซีนไฟเซอร์ยังไม่มา จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ก่อน แต่หากวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ไทยมาเร็ว ก็จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน

ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ภาพ/เรียบเรียง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา