​เครือซีพี และกลุ่มเทเลนอร์ สร้างความร่วมมือสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี


เครือซีพี และกลุ่มเทเลนอร์ พิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร (Transformation) สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี หรือ Tech Company ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีฮับ

กรุงเทพฯ (22 พฤศจิกายน 2564) – วันนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) และกลุ่มเทเลนอร์ ประกาศการพิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยการสนับสนุนให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ตั้งเป้าปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี (Technology Company) ภายใต้ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีฮับ พร้อมเสริมธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ การสร้างดิจิทัลอีโคซิสเต็ม และกองทุนสตาร์ทอัพ เพื่อสอดรับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาค

ในระหว่างการศึกษาและพิจารณาการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ธุรกิจของทรู และดีแทค จะยังคงดำเนินไปตามปกติของแต่ละบริษัท ในขณะที่เครือซีพี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทรู และกลุ่มเทเลนอร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของดีแทค ตั้งเป้าที่จะหาข้อสรุปในรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) ซึ่งจะส่งผลให้ เครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ถือหุ้นเท่าเทียมกันในบริษัทใหม่ที่จะร่วมกันสร้างขึ้น นอกจากนี้ ทรูและดีแทคจะดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งการตรวจสอบกิจการของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วเสร็จเป็นที่พอใจ (Due Diligence) การขออนุมัติที่เกี่ยวข้องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท ตลอดจนการดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (Telecom Landscape) ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากเทคโนโลยีใหม่ และตลาดที่เปิดกว้างต่อการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมดิจิทัลขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาคเข้ามาเสนอรูปแบบบริการดิจิทัลมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคม ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการพัฒนาการให้บริการเครือข่าย (Connectivity) ให้เป็นอัจฉริยะแล้ว ยังต้องเสริมศักยภาพและความรวดเร็ว ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) จากโครงข่ายการสื่อสารและส่งมอบเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้การปรับโครงสร้าง (Transformation) ของบริษัทไทยสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี ให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นชั้นนำระดับโลกได้นั้น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

“การปรับโครงสร้างสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ที่จะก้าวเป็นฮับของเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค โดยโทรคมนาคม (Telecom) จะยังคงเป็นธุรกิจหนึ่งของโครงสร้าง และจะต้องพัฒนาธุรกิจเพิ่มเติมในส่วนที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงปัญญาประดิษฐ์ ระบบคลาวด์เทคโนโลยี ไอโอที อุปกรณ์อัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ดิจิทัลมีเดียโซลูชั่น และปรับโครงสร้างเพื่อให้สนับสนุนการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี (Tech Startup) โดยการจัดตั้ง Venture Capital ที่มุ่งเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพไทย และสตาร์ทอัพต่างประเทศ ที่ตั้งในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะศึกษาด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดกว้างกรอบความคิดในการทำนวัตกรรมใหม่เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน”

“การก้าวสู่บริษัทเทคโนโลยี คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดด และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กระจายไปทั่วประเทศได้ ซึ่งในฐานะบริษัทไทย เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปลดล็อกศักยภาพที่มีอยู่อย่างมหาศาลของธุรกิจไทยและผู้ประกอบการดิจิทัลไทย รวมทั้งยังจะสามารถดึงดูดคนที่เก่งที่สุดและธุรกิจล้ำสมัยจากทั่วโลกให้มาทำธุรกิจในประเทศไทยได้อีกด้วย”

“วันนี้ เป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวตามแนวทางดังกล่าว โดยเราหวังว่า จะเป็นส่วนเสริมพลังให้กับคนรุ่นใหม่ทั้งหมด และสร้างงานด้านเทคโนโลยี ในการเติมเต็มและดึงเอาศักยภาพ ให้เป็นผู้ประกอบการที่ส่งมอบมูลค่าเพิ่มผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมดิจิทัลที่ล้ำสมัยนี้” นายศุภชัยกล่าว

นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทเลนอร์ กล่าวว่า “เรามีประสบการณ์ในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัลในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมาแล้ว ดังนั้น ขณะที่เรายังพัฒนาต่อไป
ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจต่างคาดหวังบริการที่ล้ำสมัยและการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า บริษัทใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอด ยกระดับประเทศไทย ไปสู่การเป็นผู้นำในโลกดิจิทัลได้ ด้วยการผนวกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับการบริการที่ดึงดูดลูกค้า พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม”

นายเยอเก้น โรสทริป รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเซีย กล่าวว่า “ข้อตกลงในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการเสริมสร้างฐานของเราในเอเชียให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างคุณค่า และพัฒนาตลาดในภูมิภาคนี้ต่อไปในระยะยาว เรามีความมุ่งมั่นและพันธกิจต่อทั้งประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียมาอย่างยาวนาน และความร่วมมือครั้งนี้ก็จะเสริมความมุ่งมั่นและพันธกิจนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การที่เราสามารถเข้าถึงทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพดีที่สุด จะเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญสำหรับบริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้”

นายเยอเก้นกล่าวว่า “บริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น จะตั้งกองทุนมูลค่าประมาณ 100 – 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย”

ทั้งเครือซีพีและ กลุ่มเทเลนอร์ ต่างมั่นใจว่า การพิจารณาสร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกันในครั้งนี้จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคและประชาชนไทย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ของประเทศไทยได้สำเร็จตามเป้าหมาย

เนื้อหานี้ในภาษาอื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง/บทความที่น่าสนใจ

  • อบจ.สงขลา จับมือภาคีเครือข่ายลงนาม MOU การจัดแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 38 รองรับการเป็นเมืองกีฬา (Songkhla Sports City)
    อบจ.สงขลา จับมือภาคีเครือข่ายลงนาม MOU การจัดแข่งขันเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 38 รองรับการเป็นเมืองกีฬา (Songkhla Sports City)
  • อบจ.สงขลา ปล่อยพันธุ์ลูกกุ้งก้ามกราม 200,000 ตัว ต่อยอดทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
    อบจ.สงขลา ปล่อยพันธุ์ลูกกุ้งก้ามกราม 200,000 ตัว ต่อยอดทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
  • ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี (ICC HAT YAI) ผนึกกำลังพันธมิตร จัด 2 งานใหญ่ เอาใจทั้งสายสุขภาพและสายท่องเที่ยว วันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2568
    ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี (ICC HAT YAI) ผนึกกำลังพันธมิตร จัด 2 งานใหญ่ เอาใจทั้งสายสุขภาพและสายท่องเที่ยว วันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2568
  • กลุ่มงานบริการการแพทย์ฉุกเฉิน อบจ.สงขลา จัดอบรม “อาสาฉุกเฉินชุมชน“ เสริมทักษะเยาวชนช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเบื้องต้น มุ่งลดอัตราการสูญเสียชีวิต-พิการ
    กลุ่มงานบริการการแพทย์ฉุกเฉิน อบจ.สงขลา จัดอบรม “อาสาฉุกเฉินชุมชน“ เสริมทักษะเยาวชนช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเบื้องต้น มุ่งลดอัตราการสูญเสียชีวิต-พิการ
  • อบจ.สงขลา ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568
    อบจ.สงขลา ร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568
  • อบจ.สงขลา ประชุมคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ครั้งที่ 1/2568
    อบจ.สงขลา ประชุมคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ครั้งที่ 1/2568
  • กฟผ. โรงไฟฟ้าจะนะสนับสนุนงบประมาณโครงการอาหารเช้าประจำปีการศึกษา 2568 โรงเรียนบ้านควนหัวช้าง
    กฟผ. โรงไฟฟ้าจะนะสนับสนุนงบประมาณโครงการอาหารเช้าประจำปีการศึกษา 2568 โรงเรียนบ้านควนหัวช้าง
  • Huawei Watch 5 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย
    Huawei Watch 5 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย
  • กฟผ. โรงไฟฟ้าจะนะ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เครือข่ายเยาวชนจะนะรักษ์สิ่งแวดล้อม รุ่นที่ 4ประจำปี 2568
    กฟผ. โรงไฟฟ้าจะนะ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เครือข่ายเยาวชนจะนะรักษ์สิ่งแวดล้อม รุ่นที่ 4ประจำปี 2568
  • กงสุลจีน จับมือสมาคมไทย-จีน จ.สงขลา สปท.6 กรมประชาสัมพันธ์ และภาคีเครือข่าย จัดประกวดร้องเพลงจีน “สุ่ย ลี่ ฟาง คัพ 2025“ เฟ้นหาสุดยอดนักร้องตัวแทนไทย แข่งขันต่อ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
    กงสุลจีน จับมือสมาคมไทย-จีน จ.สงขลา สปท.6 กรมประชาสัมพันธ์ และภาคีเครือข่าย จัดประกวดร้องเพลงจีน “สุ่ย ลี่ ฟาง คัพ 2025“ เฟ้นหาสุดยอดนักร้องตัวแทนไทย แข่งขันต่อ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • พัฒนาเกาะยออย่างยั่งยืน! อบจ.สงขลา เปิดกิจกรรม “Kick Off เกาะยอ” หนุนใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำ ลดผลกระทบจากการเลี้ยงสัตว์น้ำ
    พัฒนาเกาะยออย่างยั่งยืน! อบจ.สงขลา เปิดกิจกรรม “Kick Off เกาะยอ” หนุนใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำ ลดผลกระทบจากการเลี้ยงสัตว์น้ำ