รมว.ดิจิทัล เปิดโครงการการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพ
รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดโครงการ “ก้าวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” สร้างการรับรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ทันสถานการณ์ ลดความสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติที่รุนแรง
(4 ก.ย.65) ที่วัดท่าหิน ตำบลท่าหิน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานเปิดโครงการ “ก้าวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดสงขลาและในสังกัดของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนพี่น้องเกษตรกร ชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลาร่วมให้การต้อนรับ
โดยก่อนการเข้าสู่พิธีเปิดโครงการ “ก้าวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วยนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้มีเกียรติร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ (พันธุ์ปลายี่สก) จำนวน 5,000 ตัว ลงสู่ทะเลสาบสงขลา เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ จากนั้นชมการแสดงโนราห์จากโรงเรียนวัดโพธิ์กลาง ชุมชนบ้านท่าหิน และเข้าสู่พิธีเปิดโครงการฯ
สำหรับโครงการ “ก้าวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลให้กับผู้เข้ารับการอบรม รวมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมืออุตุนิยมวิทยาที่ใช้ตรวจวัดสภาพอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบการตรวจวัดกลุ่มฝนด้วยเรดาร์ตรวจอากาศสทิงพระ ผลิตภัณฑ์สารสนเทศด้านอุตุนิยมวิทยา การเข้าถึงข้อมูลอุตุนิยมวิทยา รวมถึงการบูรณาการและขยายความร่วมมือทางด้านอุตุนิยมวิทยาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการสร้างการรับรู้และการเผยแพร่องค์ความรู้สู่ประชาชน
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนมาโดยตลอด ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการประชาชนในหลากหลายรูปแบบ เช่น การให้บริการข้อมูลพยากรณ์อากาศผ่านแอปพลิเคชั่น การให้บริการข้อมูลการตรวจวัดสภาพอากาศแบบ Real-Time และการอธิบายลักษณะอากาศโดยผู้พยากรณ์อากาศผ่าน Platform ต่าง ๆ เป็นต้นการตรวจวัดสภาพอากาศ ทำให้เราสามารถทราบถึงลักษณะอากาศปัจจุบันซึ่งจะนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อการพยากรณ์อากาศต่อไป การที่กรมอุตุนิยมวิทยานำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดทางอุตุนิยมวิทยาที่ใช้ตรวจวัดสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจอากาศอัตโนมัติ ระบบโทรมาตร เรดาร์ตรวจอากาศ หรือดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา สามารถทำให้ข้อมูลลักษณะอากาศที่ตรวจวัดได้มีความถี่ในการตรวจวัดมากกว่าในอดีต โดยสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงลักษณะอากาศได้ในระดับต่ำกว่าชั่วโมง และสามารถตรวจวัดกลุ่มฝนในทะเลหรือบนพื้นที่ ที่ไม่สามารถติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดได้ ทำให้การเตือนภัยทางอุตุนิยมวิทยาและการพยากรณ์อากาศมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการใช้อัตรากำลังเท่าเดิม ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผน ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งผลดี ต่อการสร้างการรับรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา จนสามารถนำไปต่อยอดไปให้เกิดประโยชน์ต่อสาขาอาชีพต่าง ๆ ได้ อาทิ “การร่วมมือของเครือข่ายฯ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก” โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่พายุยังเคลื่อนที่บริเวณทะเลอ่าวไทย ด้วยข้อมูลดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาและเรดาร์ตรวจอากาศสทิงพระ โดยหน่วยงาน องค์กร และภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชน สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งศูนย์กลางพายุ การคาดการณ์การเคลื่อนที่ของพายุ และคาดการณ์เวลาและสถานที่ที่พายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่ง ไปใช้ในการวางแผนเพื่อการบริหารจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ของชุมชนได้ทันสถานการณ์ ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนช่วยสร้างความเข้าใจให้กับสมาชิกในชุมชนให้ทราบข่าวสารที่ถูกต้องและช่วยแก้ไขปัญหาข่าวลือหรือข่าวบิดเบือนในช่วงสถานการณ์วิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในจังหวัดสงขลาไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรงดังกล่าว
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ มี 4 กิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายความรู้เข้าถึงข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน , การมอบประกาศเกียรติบัตรต้นแบบเครือข่ายอุตุนิยมวิทยาที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลอุตุนิยมวิทยา ในจังหวัดสงขลา จำนวน 5 สาขา ได้แก่ สาขาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สาขาภัยพิบัติ สาขาการเกษตร (นาข้าว) สาขาการเกษตร (สวนยางพารา) และสาขาการประมง , พิธีลงนามความร่วมมือระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยากับมหาวิทยาลัยทักษิณ และการจัดนิทรรศการจากองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ
ณิชารีย์ หนูบุญ/ข่าว วิทยา – โปรดปราน - จิรพัฒน์/ภาพ ปชส.สงขลา