​อสม.บุกกกต.สงขลา ยืนยันไม่ได้เป็นกลไกซื้อเสียงให้นักการเมือง


8 พ.ค. 2566

อสม.สงขลา รวมพลบุกกกต.สงขลา ยื่นหนังสือชี้แจงและจี้บุคคลที่กล่าวหาอสม.ว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งให้ออกมาโทษที่ทำให้องค์กรอสม.เสียหาย พร้อมย้ำว่าอสม.คือประชาชนในบทบาทอสม.ก็ทำงานเต็มที่ด้วจิตอาสา ส่วนในช่วยใครหาเสียงเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ตามปกติ


(8 พ.ค.66) ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลา (กกต.สงขลา) นางพจณีย์ สุวรรณเวหา ประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดสงขลา (อสม.) พร้อมด้วยประธานชมรมประจำอำเภอ และอสม.พื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ประมาณ 100 คน ได้มาร่วมกันยื่นหนังสือถึงนางพะเยีย ศิริโชติ ผอ.กกต.สงขลา โดยมีเนื้อหาระบุว่าจากการที่มีบุคคลร้องเรียนว่า อสม.สงขลา กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งจนมีข่าวแพร่สะพัดออกไปผ่านสื่อต่างๆ จำนวนมาก ทำให้เกิดความเสียหาแก่องค์กรอสม. ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนจิตอาสาที่ทำงานโดยไม่มีเงินเดือน การกระทำดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ศรีของอสม.สงขลา

ประธานชมรมอสม.สงขลา กล่าวว่า อสม.สงขลามีมากกว่า 18,000 คน ที่ผ่านมาเราทำงานในรูปแบบจิตอาสามาตลอด ในช่วงโควิด-19 เราทุ่มเทการทำงานจนได้รับคำชมไปทั่วโลก นี่คือความภูมิใจของพวกเรา ในการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ เราไม่เคยปฏิเศธในทุกครั้งที่ได้รับการประสานมา ในการเลือกตั้งทุกครั้งเราก็ร่วมรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ เรากำชับกับทุกคนเสมอว่าห้ามเอาองค์กรอสม.ไปแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ในส่วนของความเป็นประชาชนของแต่ละคนเราไม่สามารถบังคับได้ว่าใครจะเลือกใคร จะเชียร์ในการเลือกตั้ง แต่ทุกคนที่ไปทำหน้าที่ตรงนั้นคือเรื่องส่วนบุคคลและมีการเน้นย้ำเสมอว่าห้ามใส่เครื่องแบบหรือแสดงตนว่าเป็นอสม.เด็ดขาด

เพราะฉะนั้นเราอสม.สงขลา ขอให้ผู้ที่กล่าวหา ร้องเรียนในเรื่องนี้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาขอโทษอสม.ผ่านสื่อต่างๆ หากไม่ได้รับคำกล่าวขอโทษ ชมรมอสม.สงขลากว่า 18,000 คน เราพร้อมต่อสู้ไม่ให้องค์กรของเรา ไม่ให้ใครมาดูถูกเกียรติยศศักดิ์ศรีของอสม.สงขลาได้ และขอให้ กกต.เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมาย หากมีบุคคลที่เป็นอสม.กระทำผิดก็ให้ดำเนินการเป็นรายบุคคลไม่ใช่การเหมารวมแบบยกเข่งเช่นนี้

ด้านผอ.กกต.สงขลา ได้รับหนังสือร้องเรียนและกล่าวว่า ที่ผ่านมากกต.ได้รับความร่วมมือจากอสม.ในทุกกิจกรรมด้วยดีเสมอมา การที่่กกต.ออกหนังสือไปยังสาธารณสุขจังหวัดสงขลานั้น เพราะมีความเป็นห่วงในพี่น้องสม.ที่มีข่าวว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงจึงไม่อยากให้องค์กรอสม.เสียหาย และจากการพูดคุยทำความเข้าใจก็ทราบว่าอสม.หลายคนก็เป็นอาสาสมัครประชาธิปไตยกับกกต.ด้วย กกต.หน่วยงานเดียวคงมีกำลังไม่เพียงพอในการสืบหาข้อมูลการทุจริตเลือกตั้ง การที่หลายๆ หน่วยงานมาช่วยกันก็ถือเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้การเลือกตั้งมีความสุจริตโปร่งใส และได้คนดีเข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร