นายข้วย พุทธปาน เพื่อนรักไม่มีชนชั้น พล.อ.เปรม และตำนานรถถีบสามล้อเสียชีวิตแล้ว
ลุงข้วย หรือ นายข้วย พุทธปาน เพื่อนรักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 97 ปี ตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา ปิดตำนานคำว่า “เพื่อนไม่มีชนชั้น”และ วลีเด็ด “ยกมือไหว้เราทำไม เราเป็นเพื่อนกันนะ”
วันที่ 16 ส.ค. 59 ที่ จ.สงขลา นายข้วย พุทธปาน หรือ ลุงข้วย ซึ่งเป็นเพื่อนรัก และเพื่อนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 97 ปี โดยขณะนี้ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา
โดยลุงข้วย ได้เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลสงขลา ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ในเวลา 16.15 น. ด้วยอาการปอดติดเชื้อ หลังจากที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานถึง 26 วัน และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 18 ส.ค. นี้ เวลา 14.00 น. ที่ฌาปนสถานวัดสระเกษ ซึ่งในช่วงที่ตั้งบำเบ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดสระเกษได้มีหัวหน้าส่วนราชการ เช่น นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา และบุคคลจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชนเดิน ทางไปร่วมไว้อาลัยกันเป็นจำนวนมาก
น.ส.กรชลี พุทธปาน อายุ 55 ปี ลูกสาวคนเดียวของ ลุงข้วย บอกว่า ในช่วงที่ ลุงข้วย ล้มป่วยนั้น พล.อ.เปรม หรือ ป๋าเปรม ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ได้ห่วงใย และได้มอบหมายให้ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ ประธานมูลนิธิเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติ ช่วยดูแลตลอด ทั้งขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และเรื่องของครอบครัว และหลังจากที่เสียชีวิตก็ช่วยเหลือในเรื่องของการพำเพ็ญกุศลศพให้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ซึ่งครอบครัวต่างซาบซึ้งในความมีเมตตาของป๋าเปรม ที่ดูแลพ่อมาตลอดตั้งแต่ยังมีชีวิต จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
สำหรับเรื่องราวความเป็นเพื่อนของลุงข้วย กับ พล.อ.เปรม นั้น ทั้ง 2 คน เกิดปีเดียวกัน และเริ่มรู้จักกันตอนอายุประมาณ 7 ขวบ เพราะ มีบ้านอยู่ติดกันในย่าน ถ.จะนะ เขตเทศบาลนครสงขลา และวิ่งเล่นกันทุกวัน อีกทั้ง ลุงข้วย ยังเคยปั่นรถจักรยานไปส่ง พล.อ.เปรม ที่โรงเรียนด้วย
แต่เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน โดย พล.อ.เปรม ขึ้นมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ กระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนลุงข้วย กลับอยู่บ้านทำงานรับจ้างทั่วไป และถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลานานกว่า 7 ปี ก่อนปลดประจำการ และหันมายึดอาชีพถีบสามล้อรับจ้างในตลาดเมืองสงขลา
และกว่า 50 ปี ที่ทั้งคู่ต้องห่างจากกัน นับตั้งแต่ปี 2478 และมาพบกันอีกครั้งเมื่อปี 2528 ซึ่งทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบกัน พล.อ.เปรม จะพูดคุยตามประสาเพื่อนรัก และให้เงิน ลุงข้วย เอาไว้ใช้ทุกครั้ง และพูดจาหยอกล้อกันด้วยภาษาใต้เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ และ ลุงข้วย ก็จะถีบรถสามล้อให้ พล.อ.เปรม นั่งเสมอ เมื่อเดินทางลงมาที่ จ.สงขลา รวมทั้งพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาเพื่อนรัก
สำหรับเหตุการณ์ที่เป็นนิยามของคำว่า “เพื่อนไม่มีชนชั้น” นั้น เริ่มมาจากหลังจากที่ พล.อ.เปรม เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และลงมาปฏิบัติภารกิจที่วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา ลุงข้วย ก็ได้ไปยืนรอต้อนรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมา และเห็น ก็ตรงเข้ามาหา และพูดคุยทักทายเป็นภาษาใต้ ลุงข้วย จึงยกมือไหว้ แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า “ข้วยไหว้เราทำไม เราเป็นเพื่อนกันนะ”
ทันใดนั้น ลุงข้วย จึงตอบกลับไปว่า “ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็น นายเปรม ผมไม่ไหว้" และทั้งคู่จึงสวมกอดกันด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางความปลาบปลื้มของคนทั้งวัด และกลายเป็นเรื่องราวความประทับใจที่มีการเล่าขานสืบต่อต่อกันมาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องราวของความเป็นเพื่อนระหว่าง ลุงข้วย กับ พล.อ.เปรม
ส่วนรถจักรยานสามล้อของ ลุงข้วย หลังจากที่เลิกอาชีพถีบสามล้อแล้ว ลุงข้วย ได้ยกให้กับ พล.อ.เปรม และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สงขลา หรือ สวนป๋าเปรม อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อเป็นอนุสรณ์ ทั้งอาชีพถีบสามล้อที่อยู่คู่กับเมืองสงขลามายาวนาน และนิยามของคำว่า เพื่อนที่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น หรือยศถาบรรดาศักดิ์