สถาบันฯสิ่งทอ จัดกิจกรรมปิดโครงการแฟชั่นมุสลิม หลังกระแสตอบรับดีในตลาดอาเซียน+3


วันนี้ (26 สิงหาคม 2559) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ สถาบันสิ่งทอฯ  จัดกิจกรรมปิดโครงการฯ ส่งนายแบบนางแบบ 40 ชีวิต ขึ้นเวทีแสดงแบบคอลเลคชั่นล่าสุด โชว์ศักยภาพผู้ประกอบการสิ่งทอ 5 จังหวัดชายแดนใต้ หลัง บุกตลาด อาเซียน +3 เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ แบรนด์ Lawa@THTI บนเวที Hong Kong Fashion Week ภายใต้แนวคิด “Co-Design” พร้อมโชว์ผลงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดึงอัตลักษณ์วิถีภาคใต้จาก “ข้าวต้มใบกระพ้อ” สร้างสรรผลงานการออกแบบ พร้อมต่อยอดพัฒนาเส้นใยดาหลาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ หวังยกระดับคุณภาพผลักดันสู่อุตสาหกรรมสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลื้ม 4 กิจกรรมหลักยกระดับการพัฒนาความสามารถของผู้ประกอบการให้ทัดเทียมระดับสากลและพร้อมก้าวสู่ตลาดแฟชั่นอาเซียนอย่างมีศักยภาพ

page.jpg

คุณประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า สำหรับปี 2559 สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 4 โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคมใต้ คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี สตูล และนราธิวาส ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม โดยการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งด้านการออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี รวมถึงการขยายช่องทางและโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ยังยกระดับการพัฒนาแฟชั่นมุสลิม ภายใต้แนวคิด “Co-Design” หลอมรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยดึง 3 นักออกแบบชื่อดังจาก 3 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน และ พร้อมเผย 4 กิจกรรมหลักภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 4 คือ

IMG_6625.JPG

กิจกรรม 1 การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมสู่เชิงพาณิชย์

กิจกรรมนี้ เสริมสร้างทักษะกลุ่มผู้ประกอบการในด้านการออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางในการจัดจำหน่าย ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส)  ซึ่งสถาบัน ฯ ยังคงใช้กรอบแนวคิด  Co-design โดยเชิญนักออกแบบจากประเทศมาเลเซีย (Mr.Eric Choong) และนักออกแบบไทยระดับประเทศ (นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข และ คุณศักดิ์จิระ เวียงเก่า) ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน โดยคอลเลคชั่นในปีนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 ธีม คือ Heaven and Earth  / Indigo Prisley และ Reflection of the Sea ดึงแกนนำผู้ประกอบการร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยออกงานแสดงสินค้า Hong Kong Fashion Week for Spring/Summer  และสามารถดูผลงานได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.muslim-thti.org

กิจกรรมที่ 2 การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี

ในปี 2559 นี้ มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีทางด้านสิ่งทอเพื่อสร้างสมบัติพิเศษให้ผลิตภัณฑ์ และการนำวัสดุจากธรรมชาติมาผสมผสาน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในรูปแบบเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเคหะสิ่งทอ และเพิ่มคุณค่าใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ด้วยการนำอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม คือ ขนมต้มใบกะพ้อ นำไปสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบลวดลายผ้าทอ รวมถึงการออกแบบเคหะสิ่งทอ โดยนำเสนออัตลักษณ์ของวิถีภาคใต้ ใช้แนวโน้มการออกแบบ TREND FASHION WGSN 2017 มาประกอบในการออกแบบเพื่อให้เกิดความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ โดยการออกแบบลายผ้าทอเกี่ยวโยงและมีความสัมพันธ์กับขนมต้มใบกะพ้อ ในด้านลวดลายและสีผ้า และนำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์ 3 Collection ดังนี้ RAKs BAAN (รักบ้าน) เส้นใยตาลโตนด และ ดาหลา ผสมฝ้าย ปั่นเส้นด้าย ย้อมสีธรรมชาติ และทอเป็นผืนผ้า แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ ประยุกต์เทคโนโลยีนาโนเคลือบผ้าเพิ่มสมบัติทำให้ผ้าสะท้อนน้ำ เพื่อป้องกันการเปื้อนและทำความสะอาดได้ง่าย, TOM LOOK YONE (ต้มลูกโยน) การออกแบบ Tropical Teal ความอุดมสมบูรณ์ในช่วงฤดูร้อนของป่าลึกเขตร้อน เน้นสีโทนเย็น สีของพืช สีเขียวเข้มของมอสส์ สีเหลือง เน้นลวดลายกราฟิกจากพืชพรรณธรรมชาติและลายเรขาคณิต พัฒนาการออกแบบแฟชั่นในคอลเล็คชั่น TOM LOOK YONE ด้วยเส้นใย FILAGEN® ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนในเส้นใย ใช้เทคนิคการเขียนลายบาติก 2 ชั้น บาติกบล็อคไม้ บาติกชั้นเดียว และบาติกบล็อคไม้ 2 ชั้น ทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม เป็นเครื่องแต่งกายภาคใต้ สามารถ mix & match สลับสับเปลี่ยนใส่กันได้ทั้งชุดคอลเล็คชั่น, และ NATUAL of KA-POR (กระพ้อ) ออกแบบลวดลายของผ้าบาติก เป็นลวดลายของลักษณะใบกะพ้อและการนำใบกะพ้อไปห่อหุ้มข้าวเหนียวจนกลายเป็นขนมต้มใบกะพ้อซึ่งถือที่เป็นอาหารที่คนในภูมิภาครู้จักและผูกพันธ์ทั้งด้านความเชื่อและประเพณีซึ่งพบเห็นได้ทุกเทศกาลของคนในภาคใต้ทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิม โดยออกแบบล ลายขนมต้ม ลายใบกะพ้อ ลายใบกะพ้อคลี่ ลายใบกะพ้อแฉก ด้วยเทคนิคพิมพ์ลายจากบล็อกไม้ และใช้เทคนิคแฮนด์เพ้นผสมกับการเขียนเทียนบาติก บนผ้าไหมไทย และตัดเย็บเป็นชุดมุสลิม

กิจกรรมที่ 3 การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์

กิจกรรมนี้ เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะการฝึกภาคปฏิบัติ เรื่อง การพัฒนาคุณภาพแพทเทิร์น (Pattern) ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมุสลิม เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปใช้พัฒนาและปรับปรุงรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้มีรูปทรงสวยงาม มีความเหมาะสมกับสัดส่วนของผู้บริโภคในแถบภูมิภาคอาเซียน รวมถึง ได้จัดพิมพ์คู่มือ คุณภาพมาตรฐานสิ่งทอ การสร้างแพทเทิร์น (Pattern) และขนาดสัดส่วนมาตรฐาน (Size specification) สำหรับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป สำหรับมอบให้กับผู้ประกอบการเพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนาแล้วเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปปรับปรุงกระบวนการผลิตและสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทำให้สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ

กิจกรรม 4 การจัดทำฐานข้อมูลและติดตามประเมินผล

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการจัดทำข้อมูลสถานการณ์การค้าสิ่งทอและเครื่องแต่งกายโลก ฐานข้อมูลสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม ในประเทศไทย มาเลเชีย อินโดนีเซีย นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม แนวทางการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการสิ่งทอและแต่งกายมุสลิมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

IMG_6630.JPGIMG_6794.JPG

โดยผลการศึกษาที่สำคัญพบว่า (1) ตลาดสิ่งทอและแต่งกายมุสลิมค่อนข้างใหญ่ โดยประชากรมุสลิมโลกอยู่ที่ 1,703 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก โดยกว่าครึ่งหรือร้อยละ 62 หรือ 1,005 ล้านคน จะอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียและไทยมีประชากรมุสลิมรวมกว่า 226 ล้านคน (2) พฤติกรรมการบริโภคของชาวมุสลิมต้องเข้าใจประเพณีและวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวอินโดนีเซียและมาเลเซียมีความเข้มงวดและค่อนข้างถูกกำหนดด้วยวิถีชาวมุสลิมที่เคร่งครัด (3) การเข้ามาสร้างแบรนด์ควรสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก ซึ่งจะสามารถเป็นประตูเชื่อมต่อโอกาสทางการค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย (4) การเข้าตลาดมาเลเซียควรมุ่งเน้นเสื้อผ้าแฟชั่นมุสลิม ที่สำคัญต้องทำตลาดเชิงรุกด้วยการประกอบการข้ามอุตสาหกรรม (Cross Industry) ร่วมกับอัญมณีเครื่องประดับและแฟชั่น สำหรับสินค้านำเข้าจากไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดอินโดนีเซีย ได้แก่ เสื้อผ้าฝ้ายลายดอกสีสด เป็นเสื้อตัวยาว แขนยาวแบบมุสลิม เนื่องจากคนอินโดนีเซียส่วนมากจะนิยมใส่เสื้อยืดด้านในเป็นแขนยาว คอปิด (5) โอกาสของผู้ประกอบการไทยนอกจากผลิตภัณฑ์ระดับปลายน้ำ อาทิ เครื่องแต่งกายมุสลิมแล้ว ยังมีตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ระดับกลางน้ำ เช่น เส้นด้ายและสิ่งทอ เป็นต้น โครงการทำให้สามารถเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและ เป็นอาชีพเสริมให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15-20 ต่อเดือน

ทั้งนี้ จากผลสำเร็จที่สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอได้มุ่งเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการภายใต้โครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 4”อย่างต่อเนื่องด้วยแนวทางในการต่อยอดด้านการตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ และมาตรฐาน ในเชิงลึก สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมสู่เชิงพาณิชย์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถสร้างสรรค์ผลงานตอบโจทย์ผู้บริโภคในระดับสากล และมีความพร้อมในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และก้าวเข้าสู่การเป็นการศูนย์กลางและฐานผลิตผลิตภัณฑ์แฟชั่นมุสลิมของภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมฯ ได้ที่ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 พระโขนง คลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2713 5492 – 9 ต่อ 224 หรือเข้าไปที่ www.muslim-thti.org,  www.thaitextile.org/muslim

IMG_6614.JPGIMG_6598.JPGIMG_6539.JPGIMG_6640.JPGIMG_6667.JPGIMG_6669.JPGIMG_6679.JPGIMG_6684.JPGIMG_6695.JPGIMG_6701.JPGIMG_6719.JPGIMG_6723.JPGIMG_6724.JPGIMG_6726.JPGIMG_6730.JPGIMG_6742.JPGIMG_6744.JPGIMG_6749.JPGIMG_6752.JPGIMG_6747.JPGIMG_6753.JPGIMG_6758.JPGIMG_6760.JPGIMG_6761.JPGIMG_6769.JPGIMG_6770.JPGIMG_6772.JPGIMG_6775.JPGIMG_6778.JPGIMG_6782.JPGIMG_6789.JPG

เนื้อหานี้ในภาษาอื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง/บทความที่น่าสนใจ

  • แอป Maxim มอบม้านั่งให้กับเทศบาลนครสงขลา สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยว
    แอป Maxim มอบม้านั่งให้กับเทศบาลนครสงขลา สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยว
  • หาดทิพย์ ติดทำเนียบหุ้น ESG100 เป็นปีที่ 7
    หาดทิพย์ ติดทำเนียบหุ้น ESG100 เป็นปีที่ 7
  • โรงไฟฟ้าจะนะได้รับการรับรอง ISO14001: 2015 และ ISO45001:2018
    โรงไฟฟ้าจะนะได้รับการรับรอง ISO14001: 2015 และ ISO45001:2018
  • มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง หาดใหญ่ พร้อมจัดใหญ่งานไถ่ชีวิตโค 21-30 ก.ค.67
    มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง หาดใหญ่ พร้อมจัดใหญ่งานไถ่ชีวิตโค 21-30 ก.ค.67
  • พาณิชย์-หอการค้าสงขลา ผนึกกำลังจัดงาน SMEs Fair 19-21 ก.ค.ที่ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หาดใหญ่
    พาณิชย์-หอการค้าสงขลา ผนึกกำลังจัดงาน SMEs Fair 19-21 ก.ค.ที่ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หาดใหญ่
  • แอร์เอเชีย เปิดบิน “สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่” คึกคัก   ตอบรับกระเเสท่องเที่ยวในประเทศพุ่ง
    แอร์เอเชีย เปิดบิน “สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่” คึกคัก ตอบรับกระเเสท่องเที่ยวในประเทศพุ่ง
  • มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 หาดใหญ่ ยกโปรฯ ล่องใต้ กู้บ้าน 0% 3 เดือน เงินฝาก 2.25% NPA ลดสูงสุด 60%
    มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 หาดใหญ่ ยกโปรฯ ล่องใต้ กู้บ้าน 0% 3 เดือน เงินฝาก 2.25% NPA ลดสูงสุด 60%
  • แอร์เอเชีย ชวนชาวหาดใหญ่ บินสะดวกกว่าสู่ 2 สนามบิน "ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ" ราคาเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 990 บาท!
    แอร์เอเชีย ชวนชาวหาดใหญ่ บินสะดวกกว่าสู่ 2 สนามบิน "ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ" ราคาเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 990 บาท!
  • ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ มรภ.สงขลาจับมือธ.ออมสินภาค 18 ร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น
    ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ มรภ.สงขลาจับมือธ.ออมสินภาค 18 ร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น
  • ม.อ. ผนึกหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนจัดงาน SITE2024
    ม.อ. ผนึกหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนจัดงาน SITE2024
  •  เปอโยต์ ร่วมเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส จัดงาน ‘VIVE LA FRANCE’ เพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ราคาใหม่ เพิ่มเสน่ห์เร้าใจยิ่งขึ้น
    เปอโยต์ ร่วมเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส จัดงาน ‘VIVE LA FRANCE’ เพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ราคาใหม่ เพิ่มเสน่ห์เร้าใจยิ่งขึ้น