กกต.เปิดการสัมมนาเสริมสร้างสมรรถนะผู้ปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้เป็นมืออาชีพที่สงขลา
กรรมการการเลือกตั้ง เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้ปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้เป็นมืออาชีพ ที่ จ.สงขลา
เมื่อ เวลา 09.20 น. วานนี้ (22 ก.ย. 59) ที่ห้องสันติภาพ ชั้น 7 โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้ปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้เป็นมืออาชีพ โดยมีนายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วย ผู้บริหารและพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จากส่วนกลางและ 15 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ รวม 110 คน เข้าร่วม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ ของผู้ปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวน และนำผลที่ได้รับจากการสัมมนาไปประกอบการพิจารณาเพื่อเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการเลือกตั้งท้องถิ่น รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ 2559 โดยการเสนอแก้ไขกฎหมายลูกของ กกต. ในประเด็นสำคัญ อาทิเช่น ให้ กกต. บุคคลหรือคณะบุคคลที่ กกต. แต่งตั้ง และโดยเฉพาะพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงาน กกต. เป็นเจ้าพนักงานตาม ป.วิ.อาญา มีอำนาจออกหมายเรียก ตรวจ ค้น ยึด หรืออายัดเอกสาร หรือพยานหลักฐานใดที่ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย การคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้งและการกันบุคคลเป็นพยาน การจ่ายรางวัลนำจับแก่ผู้ชี้เบาะแสการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นต้น พร้อมทั้งจัดทำหลักสูตรวิชาชีพพนักงานสืบสวนสอบสวนและไต่สวน เพื่อเตรียมปรับระบบสืบสวนสอบสวนให้เป็นระบบสืบสวน หรือไต่สวนตามรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ 2559
โดยหลักการสำคัญของระบบไต่สวนนั้น กกต. จะมีอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานได้ด้วยตนเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดเฉพาะข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ผู้ร้องและผู้ถูกร้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยกขึ้นกล่าวอ้าง และจะมีการนำระบบการบันทึกภาพและเสียงมาใช้ในการไต่สวนเพื่อให้สำนวนของ กกต. มีความน่าเชื่อถือ ใช้สำนวนของ กกต. เป็นหลักในการพิจารณาในชั้นศาลได้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งข้อดีของระบบดังกล่าวทำให้ได้ข้อเท็จจริงที่รอบด้านครบถ้วน ไม่แพ้ชนะกันด้วยวิธีการทางเทคนิค ซึ่งจะเป็นผลให้การพิจารณาวินิจฉัยเป็นไปอย่างรอบคอบและให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีมากที่สุด สมดังเจตนารมณ์ของ กกต. ที่มุ่งให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งประเทศ