ม.หาดใหญ่ เผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกันยาปรับตัวลดลงทุกด้าน
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกันยายน 2559 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้เดือนกันยายน เปรียบเทียบเดือนสิงหาคม 2559 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนกันยายน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่ลดลงจากสัญญาณราคาสินค้าเกษตรหดตัวอย่างต่อเนื่อง และประกอบกับการท่องเที่ยวภาคใต้โดยรวมที่ลดลงเนื่องจากอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น
ทั้งนี้ในเดือนกันยายน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกด้านโดยเฉพาะรายจ่ายในด้านต่าง ๆ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากรายได้จากภาคเกษตรที่ลดลง อันเนื่องจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรที่ไม่แน่นอน ประกอบกับแนวโน้มการปรับตัวที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวของภาคใต้ฝั่งตะวันตกที่ลดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น และภาคใต้ฝั่งตะวันออกที่เริ่มเข้าสู่ช่วง ฤดูฝน
ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานลดลงคิดเป็นร้อยละ 32.30 และ 37.70 ตามลำดับ มีเพียงร้อยละ 7.50 และ 8.40 ที่คาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรับเพิ่มสูงขึ้น ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายด้าน ต่าง ๆ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะยังคงทรงตัว และอาจจะเพิ่มสูงขึ้นหากมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนั้นภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องจึงควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และเพิ่มการหมุนเวียนของรายจ่ายในระบบเศรษฐกิจภาคใต้ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในภาคใต้
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ หนี้สินครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 29.20 รองลงมา คือ ค่าครองชีพ และค่าจ้างแรงงาน คิดเป็นร้อยละ 25.30 และ 17.10 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ค่าครองชีพ รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน และค่าจ้างแรงงาน ตามลำดับ