สถาบันสิ่งทอฯ เปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมใน จ.ชายแดนภาคใต้


สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งผลักดันกลุ่มผู้ประกอบการ/วิสาหกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) พัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การยกระดับเทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม คุณภาพสินค้าและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเพื่อให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมได้พัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการขยายช่องทางและโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน ด้วยการพัฒนาเครือข่ายและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสาขาอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยการเจรจาจับคู่ธุรกิจของไทย กับประเทศสมาชิกอาเซียน+3

IMG_3506.JPG

วันนี้ (27 ตุลาคม 2559) นายประสงค์ นิลบรรจง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน - Muslim Market Focus (Product Development Workshop Project 2017) โดยมี นางสาวนงเยาว์ ศรีฉันทะมิตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภาคใต้ตอนล่าง (หาดใหญ่), นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ , กลุ่มผู้ประกอบการ/วิสาหกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ณ ห้องเกษมสันต์ โรงแรมโกลเด้นท์ คราวน์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

นายประสงค์ นิลบรรจง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า กิจกรรมเปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ Muslim Market Focus (Product Development Workshop Project 2017) โดยโครงการในปีงบประมาณ 2560 นี้ สถาบันฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีเอกลักษณ์ ที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของตลาดที่มีความต้องการเฉพาะ (Segmentation) และสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยใช้องค์ความรู้ด้านการออกแบบและการตลาด โดยการดำเนินงานได้แบ่งออกเป็น 4 กิจกรรม คือ 1. กิจกรรมการศึกษาข้อมูลด้านการตลาดฯ ตลาดระดับกลาง: อินโดนีเซีย (สิ่งทอ,เครื่องแต่งกายมุสลิม) ตลาดระดับบน: ญี่ปุ่น (ผ้าบาติก,ผ้ามัดย้อม,เคหะสิ่งทอ) 2. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ 3. กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม และ 4. กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และงานแสดงสินค้าต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้เน้นเฉพาะตลาดอาเซียน อาทิฮ่องกง สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แต่ปีนี้สถาบันฯเตรียมผลักดันให้ผู้ประกอบการขยายการผลิตเพื่อส่งออกไปสู่กลุ่มลูกค้าเฉพาะ นอกประเทศในระดับภูมิภาค อาเซียน +3 มากยิ่งขึ้น

IMG_3501.JPG

จากการเก็บข้อมูลแบบสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 300 ชุด กว่าร้อยละ 50 ผู้ประกอบการต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศควบคู่กับการขายในประเทศ โดย ร้อยละ 70 ของผู้ประกอบการสนใจตลาดสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่วนอีกร้อยละ 15 สนใจตลาดบาติกและเคหะสิ่งทอในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ในส่วนของกิจกรรมศึกษาข้อมูลด้านการตลาดในปีนี้ จำเป็นต้องมุ่งดำเนินการค้นคว้าความรู้โดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ตลาดเข้ามาช่วยเพื่อทำให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม พัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเหตุผลที่ทางสถาบันฯ กำหนด 2 ประเทศนี้เป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินการ

นอกจากนี้ทางสถาบันฯ ยังได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก ผ่านการค้นคว้าข้อมูลแบบทุติยภูมิ จากงานวิจัยต่างๆ รวมถึงการศึกษาข้อมูลด้านการตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (Market Surveying) โดยการลงพื้นที่เพื่อสำรวจตลาดจริง การเก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านการสัมภาษณ์หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการเก็บแบบสอบถามผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการศึกษาในประเด็นดังนี้ 1) พฤติกรรมการบริโภคโดยทั่วไป 2) ตลาดการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 3) ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามพฤติกรรมของผู้บริโภค 4) ช่องทางการเข้าถึงตลาด และการเตรียมพร้อมของผู้ประกอบการไทย และ 5) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งข้อมูลที่ได้เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ประกอบการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

สำหรับแนวทางในการพัฒนาแบรนด์ของผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกร่วมออกงานแสดงสินค้า ทางสถาบันฯ ได้กำหนดจำนวนผู้ประกอบการที่จะได้รับคัดเลือก จำนวน 15 ราย โดยแต่ละรายจะมีได้รับการให้คำปรึกษาเชิงลึกรายกิจการ จำนวน 4 ครั้ง จากนักออกแบบชื่อดัง ในด้านการวิเคราะห์ศักยภาพผู้ประกอบการในด้านการตลาด และวิเคราะห์การพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองกับตลาดเป้าหมาย และการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้าเป็นคอลเลคชั่น จนพัฒนาเป็นแบบร่างสเก็ตคอลเลคชั่น และได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ณ ต่างประเทศ โดยการให้คำปรึกษาเชิงลึก จำนวน 4 ครั้งนั้น แบ่งเป็น ครั้งที่ 1 Market Focus and Brand , ครั้งที่ 2 Key Look and Sketch Design , ครั้งที่ 3 Prototype (3 Products) และครั้งที่ 4 Final Prototype ส่วนแนวทางการต่อยอดแบรนด์ Lawa@THTI ในปีนี้ สถาบันฯ ได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการยกระดับขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแบรนด์ และกระบวนการผลิต แต่สถาบันฯ ยังคงดูแล และเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแบรนด์ Lawa@THTI เริ่มเป็นที่รู้จัก มีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังคงผลักดันให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าต่างประเทศเช่นเดิม โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ทางสถาบันยังคงมีกิจกรรมสนับสนุนในเรื่องของการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องการออกแบบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ และการตลาด อีกทั้งสถาบันฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการขายอื่นในประเทศ อาทิ จัดหาบูธขายสินค้าให้ในงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ออกงาน Biff & Bil หรืองานโอท็อปที่จัดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศอีกด้วย นายประสงค์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ภายในกิจกรรมยังจัดให้มีการนำเสนอแนวทางการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางการให้คำปรึกษาข้อมูลเชิงลึก Muslim Market Focus โดย นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการบรรยายพิเศษ เรื่อง “บทบาทหน้าที่ ของการส่งเสริมการค้าฯ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ” และหัวข้อ “ตลาดอาเซียน โอกาสทางการค้าของไทย : พฤติกรรมของผู้บริโภคตในตลาดญี่ปุ่น / โอกาสของผู้ประกอบการไทย : การแต่งกายของผู้สูงอายุในญี่ปุ่น และ Trend” โดย นางสาวนงเยาว์ ศรีฉันทะมิตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภาคใต้ตอนล่าง (หาดใหญ่)

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ โทรศัพท์ 0-2713-5492 -9 ต่อ 888

IMG_3493.JPGIMG_3527.JPGIMG_3538.JPGIMG_3542.JPGIMG_3510.JPGIMG_3520.JPGIMG_3521.JPG

เนื้อหานี้ในภาษาอื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง/บทความที่น่าสนใจ

  • แอป Maxim มอบม้านั่งให้กับเทศบาลนครสงขลา สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยว
    แอป Maxim มอบม้านั่งให้กับเทศบาลนครสงขลา สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยว
  • หาดทิพย์ ติดทำเนียบหุ้น ESG100 เป็นปีที่ 7
    หาดทิพย์ ติดทำเนียบหุ้น ESG100 เป็นปีที่ 7
  • โรงไฟฟ้าจะนะได้รับการรับรอง ISO14001: 2015 และ ISO45001:2018
    โรงไฟฟ้าจะนะได้รับการรับรอง ISO14001: 2015 และ ISO45001:2018
  • มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง หาดใหญ่ พร้อมจัดใหญ่งานไถ่ชีวิตโค 21-30 ก.ค.67
    มูลนิธิโรงเจเต๋าบ้อเก็ง หาดใหญ่ พร้อมจัดใหญ่งานไถ่ชีวิตโค 21-30 ก.ค.67
  • พาณิชย์-หอการค้าสงขลา ผนึกกำลังจัดงาน SMEs Fair 19-21 ก.ค.ที่ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หาดใหญ่
    พาณิชย์-หอการค้าสงขลา ผนึกกำลังจัดงาน SMEs Fair 19-21 ก.ค.ที่ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หาดใหญ่
  • แอร์เอเชีย เปิดบิน “สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่” คึกคัก   ตอบรับกระเเสท่องเที่ยวในประเทศพุ่ง
    แอร์เอเชีย เปิดบิน “สุวรรณภูมิ-หาดใหญ่” คึกคัก ตอบรับกระเเสท่องเที่ยวในประเทศพุ่ง
  • มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 หาดใหญ่ ยกโปรฯ ล่องใต้ กู้บ้าน 0% 3 เดือน เงินฝาก 2.25% NPA ลดสูงสุด 60%
    มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 หาดใหญ่ ยกโปรฯ ล่องใต้ กู้บ้าน 0% 3 เดือน เงินฝาก 2.25% NPA ลดสูงสุด 60%
  • แอร์เอเชีย ชวนชาวหาดใหญ่ บินสะดวกกว่าสู่ 2 สนามบิน "ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ" ราคาเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 990 บาท!
    แอร์เอเชีย ชวนชาวหาดใหญ่ บินสะดวกกว่าสู่ 2 สนามบิน "ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ" ราคาเที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 990 บาท!
  • ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ มรภ.สงขลาจับมือธ.ออมสินภาค 18 ร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น
    ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ มรภ.สงขลาจับมือธ.ออมสินภาค 18 ร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น
  • ม.อ. ผนึกหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนจัดงาน SITE2024
    ม.อ. ผนึกหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนจัดงาน SITE2024
  •  เปอโยต์ ร่วมเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส จัดงาน ‘VIVE LA FRANCE’ เพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ราคาใหม่ เพิ่มเสน่ห์เร้าใจยิ่งขึ้น
    เปอโยต์ ร่วมเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศส จัดงาน ‘VIVE LA FRANCE’ เพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ราคาใหม่ เพิ่มเสน่ห์เร้าใจยิ่งขึ้น