ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคตุลาคม59เพิ่ม หลังราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นช่วงกินเจ
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนตุลาคม 2559 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาณราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งในช่วงวันที่ 1 ถึง 9 ตุลาคม เป็นช่วงเทศกาลกินเจ ทำให้มีการซื้อสินค้าประเภทอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นอาหารเจ และอาหารเจสำเร็จรูป
ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน และรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาณราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 5-6 บาทต่อกิโลกรัม แต่อย่างไรก็ตามจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่มีความแน่นอน จึงทำให้ประชาชนยังคงใช้จ่ายเฉพาะในสิ่งที่จำเป็นในครอบครัว ในขณะที่รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว และรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย เป็นเพราะประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต จึงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยเฉพาะกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจภาคใต้ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในภาคใต้
ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 20.00 และ 19.40 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 27.90 และ 32.10 จากปัจจัยราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับการเปิดฤดูการท่องเที่ยวทางทะเลของภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ หนี้สินครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 27.20 รองลงมา คือ ค่าครองชีพ และการว่างงาน คิดเป็นร้อยละ 24.10 และ 16.40 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ หนี้สินครัวเรือน รองลงมา คือ ค่าครองชีพและราคาสินค้า ตามลำดับ
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2559 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่าเป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 54.80 เพศหญิง ร้อยละ 45.20 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 35-44 ปี คิดเป็นร้อยละ 29.50 และมีระดับการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 41.30