วัวชนแดนใต้ อย่าให้เป็นแค่ตำนาน สงขลา ชื่อนี้ต้องเดินต่อไปในวิถีบอลไทย
ฟุตบอลลูกกลมๆ ลมอยู่ในอะไรก็เกิดขึ้นได้ คือคำกล่าวของคนดูบอลที่พูดกันอยู่เสมอ สำหรับจังหวัดสงขลาหากกล่าวถึงฟุตบอลแน่นอนว่า วัวชนแดนใต้ คือฉายที่ทุกคนนึกถึงและจดจำได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น สงขลาเอฟซี วัวชนยูไนเต็ด หรือสงขลายูไนเต็ด เมื่อรวมๆแล้วนี่คือทีมสโมสรฟุตบอลจังหวัดสงขลา เจ้าของฉายาวัวชนแดนใต้และเจ้าของสถิติแฟนบอลมากที่สุดในสนาม 36,715 คนเมื่อ 7 ส.ค.54 ในการเจอกับบุรีรัมย์เอฟซี
ทีมฟุตบอลจังหวัดสงขลาหากจะร่ายยาวกลับไปนั้นก็คงมีตำนานและเรื่องราวให้พูดถึงมากมาย ย้อนกลับไปแค่ยุคบอลลีกประเทศไทยเริ่มต้นและเฟื่องฟู ปี 2542 ทีมบอลสงขลาเริ่มต้นสร้างทีมอย่างจริงจังจากการจัดการแข่งขันของกกท.ในชื่อฟุตบอลโปรวิเชียนลีก และในปี 2547 มีการสร้างทีมในนามทีมสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ภายใต้การนำของนายนวพล บุญญามณี นายกอบจ.,นายกสมาคมกีฬาฯ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมและพัฒนาทีมมาอย่างต่อเนื่องเริ่มสร้างทีมมาตั้งแต่ยุคไม่มีแฟนบอลในสนาม หลักสิบ หลักร้อย พัน จึงถึงหลักหมื่นและสร้างปรากฎการณ์สนามติณสูลานนท์แตก
ปี 47-50 เป็นยุคแห่งการสร้างทีมแข่งในโปรลีกภาคใต้ ปี 51 ก้าวสู่ดิวิชั่น 2 และขยับสู่ดิวิชั่น 1 ได้ภายในปีเดียวปี 52 กับการก้าวสู่สมรภูมิที่หฤโหดในขณะที่ทีมยังใช้แข้งท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่แต่สงขลาก็ผ่านมาได้โดยจบอันดับที่ 7
ในปี 53 สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีข้อบังคับมากขึ้นโดยทุกทีมในลีกอาชีพเป็นนิติบุคคลและได้มีการจดทะเบียนในนามบริษัท สโมสรฟุตบอลสงขลา จำกัด และจบด้วยอันดับที่ 4 พลาดการขึ้นชั้นอย่างน่าเสียดาย
ปี 54 เป็นปีแห่งความหวังและเป็นยุครุ่งเรืองสุดของบอลลีกเมืองไทยก็ว่าได้ ทีมบอลต่างแข็งแกร่งมากขึ้น สงขลาเป็นทีมเล่นสนุกมีลุ้นทุกนัดที่ลงสนาม แม้ว่าหลายนัดสงขลาแพ้แบบไม่น่าแพ้จนแฟนบอลนับหมื่นเกือบลุกฮือไล่กรรมการแต่สถานการณ์ต่างๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และในวันที่ 7 ส.ค.54 ทีมสงขลาเอฟซี เปิดบ้านรับทีมบุรีรัมย์เอฟซี เป็นนัดที่แฟนบอลล้นทุกพื้นที่ของสนามและสมาคมฯ ระบุจำนวนแฟนบอลนัดนั้นไว้ที่ 36,715 คน เป็นสถิติผู้ชมสูงสุดของฟุตบอลลีกเมืองไทยในปัจจุบัน
จากความประทับใจดังกล่าว นายเนวิน ชิดชอบ พี่ใหญ่แห่งบุรีรัมย์ที่กุมทั้งบุรีรัมย์พีอีเอ และบุรีรัมย์เอฟซี ในลีกสูงสุดของเมืองไทยได้ตัดสินใจขายสิทธิ์ให้ทีมสงขลาที่จบอันดับ 5 และพลาดการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดโดยเนวิน บอกว่าขอแค่อย่างเดียวคือเอาทีมไปแล้วต้องไม่ให้ตกชั้น แต่เพราะสงขลาอยู่คนละข้างกับสมาคมการใช้ชื่อสงขลาเอฟซี ไปเล่นในไทยลีกกลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิดจนเป็นที่มาของทีมวัวชนยูไนเต็ด และการเข้ามาทำทีมบอลอย่างเต็มตัวของนิพนธ์ บุญญามณี ที่อยากได้ฐานแฟนบอลปูทางสู่สนามท้องถิ่นในช่วงนั้น
ปี 55 เมื่อไม่สามารถควบรวมสิทธิ์ในการเล่นไทยลีกได้ทำให้นิพนธ์ จำเป็นต้องเลือกในการทำ 2 ทีมโดยแปลงร่างบุรีรัมย์เอฟซีเป็นวัวชนยูไนเต็ด เล่นในลีกสูงสุดและสงขลาเอฟซีก็เล่นในลีกพระรองต่อไป และในปีนี้ทีมวัวชนยูไนเต็ดที่ได้โค้ชเจด็จ มีลาภ พร้อมพลพรรคนักเตะยืมตัวทั้งจากบุรีรัมย์และชลบุรีมาเล่นในทีมก็สามารถยืนหยัดในไทยลีกได้ในอันดับที่ 13 แต่สงขลาเอฟซี ทีมในตำนานของแฟนบอลกลับร่วงไปสู่ลีกภูมิภาคและนี่เองเป็นที่มาของการยุติทีมสงขลาเอฟซี และแปลงร่างวัวชนยูไนเต็ดมาเป็นสงขลายูไนเต็ดในปี 2556
ปี 56 ปีแรกในชื่อสงขลายูไนเต็ด และเป็นการลงสนามแค่ทีมเดียว ฐานแฟนบอลแม้จะไม่เฟื่องฟูเหมือนปี 53-54 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแฟนบอลจำนวนมากไม่ชื่นชมการโตทางลัดของทีมแต่ถือว่าไม่ขี้เหร่ ปีนี้สงขลาได้โค้ชเจด็จ คุมทัพแค่ครึ่งทางก็โดนทีมชลบุรีดึงกลับไปคุมทีมน้องอย่างพัทยาแทน และดึงโค้ชประตู ฟรานซ์ ชวาร์ซวัลเดอร์ ชาวเยอรมันมาขัดตาทัพต่อด้วยการใช้โค้ชเหน่ง สัมพันธ์ โยธาทิพย์ และโค้ชอ๊อด พิทยา พิมานแมน มาทำทีมช่วงได้และจบที่อันดับ 12 ในปีนี้
ปี 57 แม้จะได้ อ.พยงค์ ขุนเณร เป็นหัวหน้าโค้ช แต่สมรภูมิหินของไทยลีก 20 ทีมตกชั้น 5 ทีมและสงขลาก็เป็น 1 ในนั้นโดยจบอันดับที่ 18 โดยช่วงท้ายฤดูกาลได้เจสัน วิธ มากอบกู้สถานการณ์แต่ไม่ทันกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่เดิมในฤดูกาล 2558
ปี 58 สงขลาใช้โค้ชนอกอีกครั้งคราวนี้เป็นมาซาโตะ ฮายาชิ ชาวญี่ปุ่น ที่เหมือนจะเก่งแต่น่าจะมีปัญหาในการสื่อสารกับนักบอลจนช่วงโค้งสุดท้ายต้องดึงโค้ชสมชาย มากมูล มาช่วยพาทีมจนจบอันดับที่ 11
ปี 59 เป็นอีกหนึ่งปีที่มีลุ้นสำหรับทีมสงขลายูไนเต็ด โดยย้ายไปเล่นที่สนามนาทวีหลังจากแข่งขันผ่านไป 26 นัด สมาคมฟุตบอลฯ ได้ประกาศยุติการแข่งขันเนื่องจากการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่9 และในปีนี้สงขลาจบอันดับที่6 โดยมีโค้ชนพพร เอกศาตรา เป็นหัวหน้าโค้ชในช่วงท้ายฤดูกาล พร้อมรอข่าวการสร้างทีมสู้ศึกในฤดูกาลต่อไปของบรรดาแฟนบอล
แต่ยังไม่ทันถึงปี 2560 แฟนบอลได้ช๊อคกันอีกครั้งเมื่อแฟนเพจสโมสร http://www.facebook.com/SongkhlaUnitedFC ได้ออกแถลงการณ์ร่ายยาว 2หน้ากระดาษโดยมีเนื้อหาสาระสำคัญคือกำลังเร่งหาผู้สนับสนุนทีมหรือหาทุนใหม่มาบริหารทีมในฤดูกาลต่อไป โดยให้เหตุผลสำคัญในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกปีได้ไหวหากไม่มีสปอนเซอร์รายใหญ่หรือผู้บริหารชุดใหม่มารับช่วงต่อก็คงต้องพักหรือยุติการทำทีมไว้เพียงเท่านี้
วิถีลูกหนังที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากทีมที่รองบจาก กกท.สมาคมฟุตบอลฯ งบจังหวัด งบท้องถิ่น มาสู่การบริหารจัดการทีในรูปแบบของนิติบุคคลที่ต้องมีรายได้ มีสปอนเซอร์มาหล่อเลี้ยงตัวเอง ย้อนกลับไปเมื่อปี 52 หลังจากนายกนวพล หลุดจากเก้าอี้นายกอบจ.สงขลา แฟนบอลยุคบุกเบิกต่างแสดงความเป็นห่วงว่าทีมจะไปต่อได้ไหม
แล้วฟุตบอลสงขลาก็ได้ไปต่อโดยมีนิพนธ์ บุญญามณี เปลี่ยนจากคนเบื้องหลังมาทำงานเบื้องหน้ามากขึ้นและเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในในการเดินทางตรงก็เลยเป็นที่มาของทางลัดในการซื้อสิทธิ์บุรีรัมย์เอฟซีมาสวมในทีมสงขลา โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้ไทยลีกมีทีมจากทุกภูมิภาคซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเนวิน และทีมชลบุรีที่เป็นพี่เลี้ยงหลักให้สงขลาในยุคบุกเบิกสู่ไทยลีก และการโตทางลัดในคราวนี้เองมีผลให้แฟนบอลสงขลาจำนวนหนึ่งหายไป
หลังจากปี 56 เส้นทางการเมืองของนายนิพนธ์ ประสบความสำเร็จในตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา การผ่องถ่ายงานด้านฟุตบอลเริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ทีมงานผู้บริหารทีมที่มีทั้ง ส.ส.ประพร เอกอุรุ นายกแบน ประสงค์ บริรักษ์ นายกบ่าว สมศักดิ์ ตันติเศรณี เป็นทีมงานหลักก็เปลี่ยนมาเป็นยุคลูกชาย บิ๊กเพชญ์ สรรเพชญ์ บุญญามณี มาช่วยงานบริหารและนั่งแท่นประธานสโมสรเต็มตัวในฤดูกาล 2559
นอกเหนือจากงบประมาณทำทีมที่ฝืดแล้ว เรื่องของสตง.ก็ยังเข้ามาวนเวียนให้เก้าอี้นายกอบจ.สงขลาสะเทือนเช่นกัน เมื่อสตง.ให้ข่าวว่า อบจ.สงขลามีการใช้เงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดสงขลาที่นิพนธ์ ควบเก้าอี้นายกอยู่ด้วยและอาจมีเงินไปสนับสนุนทีมฟุตบอลสงขลา จนเป็นเหตุให้นายนิพนธ์ ประกาศลาออกจากนายกฯกีฬาสงขลามาแล้ว
เซียนบอลอวุโสของสงขลาคนหนึ่งบอกว่า ""ฟุตบอลสงขลาเกิดจากความบ้าของนายกแกน" เพราะตอนนั้นแม้บางช่วงไม่มีเงินนายกแกนก็หามาจนทำให้ทีมเดินได้มาถึงยุคนิพนธ์ เป็นยุคการเมืองและธุรกิจแต่ขาดหัวใจความรักฟุตบอลและรักแฟนบอล การทำทีมฟุตบอลยุคปัจจุบันต้องใช้เงินปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะมาทำและเป็นเรื่องยากมากที่จะทำแล้วมีกำไร
หากนายกนิพนธ์จะทิ้งทีมเพียงเพราะการชี้มูลของสตง.เป็นสิ่งที่ไม่สวยเลยเพราะคนอื่นเขาก็โดนทั้งนายกอบจ.ชัยนาท หรือแม้แต่นายกอบจ.บุรีรัมย์ เมียนายเนวินก็ยังโดนประเด็นนี้ด้วยเหมือนไม่เห็นเขาทิ้งทีมเลย แต่การที่ทีมไม่มีสปอนเซอร์ไม่มีเงินมาทำทีมก็เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจ ก็ได้แต่หวังว่าด้วยมหาคอนเน็คชั่นของนายกนิพนธ์ ท่านน่าจะไม่ยอมให้ทีมสงขลาหายไปจากสารบบบอลไทย หรือหากท่านไม่ทำจริงๆ ก็หวังว่าจะมีคนรักฟุตบอลจริงๆ มาโอบอุ้มทีมสงขลาให้เดินต่อไปได้" เซียนบอลคนนี้กล่าวไว้ฟังประมาณนี้
อีกอย่างหนึ่งคือความยังเด็กไปของสรรเพชญ์ บุญญามณี แต่ต้องมาแบกรับภาระในฐานะประธานสโมสรไม่ใช่งานง่ายเลยหากดูทีมอื่นๆ ประธานจะเป็นผู้อวุโสที่มีประสบการณ์มากมายไม่ใช่เด็กจบใหม่ที่รับไม้ไม้ต่อในตำแหน่งสูงสุดเช่นนี้ รวมถึงการพิสูจน์หัวใจและความรักความทุ่มเทต่อทีมที่แสดงให้แฟนบอลได้เห็นชัดๆ ก็ยังถือว่ามีน้อยมากสำหรับผู้ชายที่ชื่อ สรรเพชญ์ บุญญามณี
มองในมุมการเมืองก็ต้องบอกว่าในสนามอบจ.สงขลาวันนี้ นิพนธ์ ลอยตัวแบบไร้ตัวจับแล้วเพราะถาวร เสนเนียม ยืนยันว่าไม่คิดลงมาเล่นสนามท้องถิ่นเด็ดขาดหากไม่ใช่การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายกชาย เดชอิศวร์ หรือวรวิทย์ ขาวทอง บอกพอแล้วขอทำธุรกิจและนั่งนายกสมาคมชนโคฯ สบายใจกว่าเป็นไหนๆ ไม่มีพรรคมีแต่พวก ในวันนี้หากมีใครจะเปิดตัวแข่งในสนามอบจ.ก็ดูแล้วไม่มีขุมกำลังเพียงพอมาล้มนิพนธ์+ประชาธิปัตย์ได้ลงแน่นอน เพราะฉะนั้นจะมาเปลืองตัวเปลืองเงินทำทีมบอลที่เสียทั้งเงินแถมยังโดนแฟนบอลด่าเมื่อผลงานไม่ดีอีกต่างหาก
จากความภูมิใจของแฟนบอลสงขลาว่าเราคือตัวแทนภาคใต้ทีมแรกในลีกสูงสุดประเทศไทย แม้วันหนึ่งจะลงมาเป็นลีกพระรองแต่สงขลาก็ยังเป็นทีมที่หนึ่งสำหรับภาคใต้มาโดยตลอด แต่วันนี้ชื่อสงขลา จะหายไปจากการแข่งขันฟุตบอลไทยหากเกิดขึ้นจริงคงน่าใจหายไม่น้อย ก็ได้แต่หวังว่านายกนิพนธ์ คงไม่ทิ้งทีมทิ้งความหวังของคนสงขลาจำนวนมากหากยังไม่มีใครมารับช่วงต่อ การลดขนาดทีม ลดผู้เล่นค่าตัวแพง เน้นแข้งภูธรแข้งท้องถิ่นก็เป็นสิ่งที่แฟนบอลรับได้ดีกว่าการประกาศยุติการทำทีมเช่นนี้
ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า วัวชนแดนใต้ จะไม่กลายเป็นแค่ตำนาน สงขลา ชื่อนี้จะต้องเดินต่อไปในสารบบบอลไทย ผมเชื่อเช่น ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเพื่อการสร้างชื่อสงขลาให้เราได้ภูมิใจมาอย่างยาวนาน และขอขอบคุณยิ่งกว่าหากมีใครมาสานต่อสงขลา ให้เดินหน้าให้ได้เชียร์กันต่อ ไม่ว่าจะเป็นสงขลาเอฟซี สงขลายูไนเต็ด หรือสงขลาอะไรก็ตามขอแค่เป็นสงขลาก็พอใจแล้ว
วัวชนยุคเริ่มดังมีหลายคนยังอยู่กับทีม
หนังสือประกาศจากสโมสร
ความประทับใจครั้งล่าสุดเปิดบ้านพบบุรีรัมย์ สนามนาทวีแตก
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต ต้อม รัตภูมิ และทีมข่าวเฉพาะกิจเว็บกิมหยง ร่วมรายงาน