เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนมกราคม 2560
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนมกราคม 2560
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคม 2560 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่าเป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 40.80 เพศชาย ร้อยละ 59.20 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 43.10 และมีระดับการศึกษามัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 / ปวช. / ปวส. คิดเป็นร้อยละ 55.40

ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนมกราคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาณราคาสินค้าเกษตร ยางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจากวันหยุดยาวปีใหม่และวันตรุษจีน
ทั้งนี้ในเดือนมกราคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในด้านภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งในเดือนมกราคมนั้น น้ำยางสดราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 20 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้น้ำยางสดมีราคา 87.50 บาทต่อกิโลกรัม (การยางแห่งประเทศไทย, วันที่ 31 มกราคม 2560 ) ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภค บริโภคและการท่องเที่ยวของประชาชน รวมทั้งการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นในวันหยุดยาวปีใหม่และเทศกาลวันตรุษจีน ซึ่งสร้างรายได้อย่างมากมายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของภาคใต้
ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 25.30 และ 34.20 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า คิดเป็นร้อยละ 28.80 และ 28.40 คาดว่าจะเป็นผลจากปัจจัยราคายางพาราที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการท่องเที่ยวทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ การว่างงาน คิดเป็นร้อยละ 30.20 รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน และค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 24.60 และ 13.10 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ การว่างงาน รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน และค่าครองชีพ ตามลำดับ