กฟผ.ห่วงพื้นที่กรุงเทพฯและภาคใต้มีปัญหาความมั่นคงไฟฟ้าช่วงแหล่งยาดานาหยุดจ่ายก๊าซ
กฟผ. ห่วง กรุงเทพฯและภาคใต้ จะมีไฟฟ้าไม่พอใช้ ตั้งทีมเฝ้าระวังช่วง 27 มี.ค.-3 เม.ย. 2560 เป็นพิเศษ หวั่นได้รับผลกระทบจากการปิดซ่อมแหล่งก๊าซฯยาดานา ของเมียนมา ในขณะที่สภาพอากาศร้อนจัด คาดการณ์พีคไฟฟ้าปีนี้เกิดต้นเดือน พ.ค. ที่ระดับ 30,086 เมกะวัตต์
นายเริงชัย คงทอง ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้มีการตั้งทีมเฝ้าระวังสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค)ของประเทศในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคใต้ ที่การผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้ในพื้นที่ยังต่ำกว่าความต้องการใช้
ทั้งนี้พื้นที่ กรุงเทพฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้เพียง 2,800 เมกะวัตต์ ขณะพีคไฟฟ้าคาดว่าจะแตะ 11,000 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบัน กรุงเทพฯ ยังต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ส่วนพื้นที่ภาคใต้กำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้อยู่ที่ 2,400 เมกะวัตต์ แต่คาดว่าพีคไฟฟ้าช่วงหน้าร้อนนี้จะอยู่ที่ 2,700 เมกะวัตต์ ซึ่งไฟฟ้าที่ขาดอยู่ประมาณ 200-300 เมกะวัตต์นั้น จะต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากภาคกลางผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจนกว่าภาคใต้จะมีโรงไฟฟ้าในพื้นที่ของตัวเองที่เพียงพอ จึงจะมีความมั่นคง
นอกจากนี้ในวันที่ 25 มี.ค.-2 เม.ย. 2560 นี้ จะมีการปิดซ่อมบำรุงก๊าซธรรมชาติแหล่งยาดานา จากเมียนมา ที่ก๊าซจะหายไปจากระบบประมาณ1,100ล้านลบ.ฟุตต่อวัน ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้โรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของประเทศ ขาดแคลนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าบางส่วนต้องใช้น้ำมันเตาและดีเซลทดแทน ทำให้ส่งผลต่อไฟฟ้าที่ส่งมาป้อนพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย โดยช่วงเวลาที่ กฟผ. ต้องจับตาสถานการณ์ไฟฟ้าเป็นพิเศษคือ ช่วงวันทำงานปกติ 27 มี.ค.-3 เม.ย. 2560 ที่มีโอกาสจะเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด
สำหรับการวางแผนแก้ปัญหาการผลิตไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนสำหรับ กทม. นั้น กฟผ.จะงดการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า และเตรียมสำรองน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าราชบุรี พร้อมทั้งให้โรงไฟฟ้าโดยรอบเตรียมจ่ายไฟฟ้าให้พื้นที่ กทม.แทน ขณะเดียวกันได้ประสานการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ย้ายการจ่ายไฟฟ้าเพื่อไม่ให้แรงดันไฟฟ้าตกในช่วงฉุกเฉิน และเตรียมอุปกรณ์ช่วยเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้พร้อมใช้งาน เป็นต้น
ส่วนพื้นที่ภาคใต้นั้น จะตรวจดูแลรักษาสายส่งไฟฟ้าไม่ให้ขัดข้อง ขอความร่วมมือไม่ให้ปิดซ่อมโรงไฟฟ้าช่วงหน้าร้อนนี้ และเตรียมน้ำมันดีเซลให้โรงไฟฟ้าหากเกิดกรณีแหล่งก๊าซพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(เจดีเอ) ขัดข้อง พร้อมทั้งประสานซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียช่วงฉุกเฉินไว้ด้วย
นายเริงชัย กล่าวว่า ในส่วนของพีคไฟฟ้าประเทศนั้น คาดว่าปี 2560 นี้จะเกิดพีคไฟฟ้าช่วงต้นเดือนพ.ค. มียอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดถึง 30,086 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 1.6% เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดช่วงฤดูร้อน โดยในปีนี้ฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. 2560 พีคส่วนใหญ่จะเกิดช่วงประมาณ 19.00 น. เนื่องจากช่วงกลางวันมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเข้ามาช่วยลดพีคลง แต่เมื่อเข้าเดือนเม.ย.ที่อากาศร้อนจัดคาดว่าพีคจะกลับมาอยู่ในช่วงกลางวันแทน
ทั้งนี้พีคของประเทศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทางกฟผ.ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือได้ โดยประเทศยังมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้ 37,000-38,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสูงกว่าพีคที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 30,086 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม กฟผ.ได้เตรียมซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาวเต็มกำลังที่ 2,000 เมกะวัตต์ไว้แล้ว
ขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ได้ออกมาตรการส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้าภาคสมัครใจ(Emergency Demand Response ) โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินชดเชย 3 บาทต่อหน่วย โดยตั้งเป้าลดใช้ไฟฟ้า กทม.ให้ได้ 200 เมกะวัตต์ และพื้นที่ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ลงอีก 200 เมกะวัตต์ รวมเป็น 400 เมกะวัตต์ที่คาดว่าจะลดได้ ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ กฟผ.ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในช่วงพีคของฤดูร้อนนี้
สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในวันนี้(13 มี.ค.2560) ที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ37 องศา เซนเซียส นั้นคาดว่าจะเกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของวันในช่วงค่ำประมาณ 26,500 เมกะวัตต์