ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนมีนาคม 2560
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนมีนาคม 2560
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมีนาคม 2560 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่าเป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 54.20 เพศชาย ร้อยละ 45.80 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 37.10 และมีระดับการศึกษามัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 / ปวช. / ปวส. คิดเป็นร้อยละ 43.10


ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนมีนาคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่ลดลงตามราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรายได้และการจับจ่ายใช้สอยจากการท่องเที่ยวลดลงด้วย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีการปรับตัวลดลงในทุกด้าน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน โอกาสในการหางานทำ/ได้งานใหม่ รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า รายจ่ายที่เกี่ยวข้องด้านอสังหาฯ และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เกษตรกรที่ลดลง ได้แก่ ราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยน้ำยางสดปรับตัวลดลงถึง 10 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนมีนาคม ทำให้น้ำยางสดมีราคา 65 บาทต่อกิโลกรัม (การยางแห่งประเทศไทย, วันที่ 30 มีนาคม 2560 ) ทำให้กำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง เนื่องจากประชาชนมีความวิตกกังวลกับรายได้ที่ไม่แน่นอน และผลกระทบจากภาวะค่าเงินมาเลเซียที่ตกต่ำสุดในรอบ 30 ปี ทำให้การค้าขายในจังหวัดชายแดนไทย-มาเลเซียซบเซา ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เข้ามาท่องเที่ยวในภาคใต้ที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลทำให้ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจค้าขายต่าง ๆ มีรายได้ลดลง
ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 24.80 และ 31.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 28.30 และ 26.40 โดยคาดว่า ปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว และรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ ราคาสินค้าคิดเป็นร้อยละ 28.50 รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน และค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 21.60 และ17.40 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ หนี้สินครัวเรือน รองลงมา คือ ราคาสินค้า และค่าครองชีพ ตามลำดับ