สงขลา จัดงานรัฐพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
จังหวัดสงขลา จัดงานรัฐพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณที่ทรงปรีชาสามารถกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทยตราบจนทุกวันนี้
วันนี้ (25 เม.ย. 60) เวลา 09.00 น. ที่ หอประชุมใช้บางยาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในงานรัฐพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ อาทิ นางศิรินุช สวาสดิ์ธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา , นายณรงค์ ชื่นนิรันดร์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา ฯลฯ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วยพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะและและกล่าวถวายราชสดุดี
สำหรับการจัดพิธีดังกล่าว เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณพระองค์ท่านที่ทรงปรีชาสามารถ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว สร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเพื่อเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกำหนดให้ส่วนราชการทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพร้อมกันทั่วประเทศ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก โดยมีพระเชษฐภคินี คือ พระสุพรรณกัลยา และพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และทรงเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย
พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2133 โดยทรงครองสิริราชสมบัติ 15 ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองด้วยการทรงอุทิศพระวรกายทำราชการสงครามเกือบตลอดรัชสมัย พระบรมเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นแผ่ไพศาล ทำให้อริราชศัตรูเกิดความยำเกรงในอำนาจ ส่งผลให้แผ่นดินไทยร่มเย็นเป็นสุขว่างจากการศึกสงครามเป็นเวลาถึง 100 ปีเศษ
โดยทรงกอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยอย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ส่วนทางด้านทิศเหนือได้แผ่พระราชอำนาจไปถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด ซึ่งรวมถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ ทำให้แผ่นดินไทยดำรงความเป็นชาติเอกราชมาตราบจนทุกวันนี้
ข่าวโดยผู้สื่อข่าว : สุธิดา พฤกษ์อุดม สวท.สงขลา