สะเดา เมื่อความเจริญโตเร็วกว่าเมือง...เขตเศรษฐกิจพิเศษจะช่วยได้ไหม (บทความ)
จังหวัดสงขลา เมืองที่ได้รับสมญาว่าเป็นเมืองหลวงของภาคใต้ หากไล่เรียงลำดับความเจริญและการเติโตของเมืองทั้ง 16 อำเภอ แน่นอนว่าอำเภอหาดใหญ่ ใหญ่สุดในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และเมืองสงขลา ที่เป็นศูนย์ราชการแล้ว อำเภอต่อมาต้องยกให้อำเภอสะเดา ซึ่งได้รับการจัดตั้งให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา
[video-0]
ทำความรู้จักเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา
ปี 2560 ในโอกาสครบรอบ 100 ปีอำเภอสะเดา อำเภอนี้กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย 7 ตำบล 10 อปท. สะเดา สำนักขาม สำนักแต้ว ปาดังเบซาร์ (ทม.,ทต.) ทุ่งหมอ ปริก (ทต.,อบต.) พังลา (ทต.,อบต.) ท่าโพธิ์ และเขามีเกียรติ มีประชากรมาเป็นอับ 3 จาก 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา อำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอเมืองสงขลา มีถนนไทรบุรีเดิม หรือถนนกาญจนวณิชย์ เป็นเส้นทางเชื่อมหลักที่มีระยะทางเพียง 75 กิโลเมตรเท่านั้น
จากอำเภอที่ห่างไกลในอดีตวันนี้อำเภอสะเดากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกด้านมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดของประเทศปีละประมาณ 7 แสนล้านบาท มีเส้นทางขนส่งทั้งทางถนนที่ด่านสะเดา และทางรางที่ด่านปาดังเบซาร์ สามารถเชื่อมาเลเซีย และสิงคโปร์ การที่รัฐบาลกำหนดให้สะเดาเป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา ครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล 5 อปท.ที่จะรวมเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบด้วย
ตำบลสะเดา เขตเทศบาลเมืองสะเดา เป็นพื้นที่ศูนย์ราชการประจำอำเภอ ตำบลสำนักขาม เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม เป็นเมืองที่เติบโตเร็วมากเพราะติดชายแดนมาเลเซีย เป็นศูนย์รวมของโรงแรมและสถานบันเทิงรูปแบบต่างๆ ตำบลสำนักแต้ว เขต อบต.สำนักแต้ว พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้และธรรมชาติ เป็นที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา ตำบลปาดังเบซาร์ มีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน และเทศบาลตำบลปาดัง ครอบคุลมพื้นที่รอบนอกเขตใจกลางเศรษฐกิจ
การพัฒนาเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิพิเศษสงขลา ที่เกิดขึ้นแล้วและอยู่ในระหว่างดำเนินการก็มีโครงการก่อสร้างด่านสะเดาแห่งใหม่บนพื้นที่ใกล้กับด่านสะเดาปัจจุบันรวมเนื้อที่กว่า 661 ไร่ งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท และโครงการถนนเลียบแนวชายแดนด่านสะเดาแห่งใหม่ถึงด่านปาดังเบซาร์ ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท การจัดสรรพื้นที่ราชพัสดุประมาณ 1,069 ไร่ในการจัดสร้างพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการขยายธุรกิจ อยู่ระหว่างดำเนินโครงการและการขอคืนพื้นที่จากผู้บุกรุกบางส่วน และจัดสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารและบริการนักท่องเที่ยวครบวงจร ได้รับงบประมาณกว่า 530 ล้านบาทในการดำเนินโครงการปี 2561-2563
ส่วนโครงการในฝันที่อยู่ในแผนและยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เกิดเมื่อไหร่ 2 โครงการใหญ่ด้านคมนาคม นั่นคือโครงการรถไฟรางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท หวังเชื่อมโยงเส้นทางการค้าทางรางสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ หลังทางการมาเลเซียทางรางคู่แถมมาถึงประเทศเราแล้วบางส่วน อีกโครงการเป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา ซึ่งมีการสำรวจเส้นทางเริ่มจากสายเอเชีย อ.บางกล่ำ สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งใหม่ระยะทาง 70 กิโลเมตร งบประมาณไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
ถึงแม้ว่าด่านสะเดาจะมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดของประเทศแต่ในมิติของการที่รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณก้อนโตมาลงในภุมิภาคนั้นอาจเป็นเรื่องยากหากไม่มีการผลักดันอย่างเข้มข้นเข้มแข็งเชื่อว่าโครงการคงเกิดยากแม้จะมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่าจะสร้างแล้ว ดันเข้าครม.แล้วบ้างแต่งต้องร้องเพลงรอกันอีกยาว เมื่อมาหลับตานึกถึงทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงหาดใหญ่-สะเดา ระยะทาง 50 กว่ากิโลเมตรเชื่อว่าหลายคนนึกถึงแต่ผิวจราจรที่ไม่เรียบ รถใหญ่เยอะมากๆ ไฟแดงตลอดสาย ไฟส่องสว่างไม่มี
สมัยผูว่าฯ กฤษฎา บุญราช เคยมีการพูดถึงการปรับปรุงถนนกาญจนวณิชย์ ช่วงหาดใหญ่-ด่านสะเดา มีการเสอนแผนการขยายความสามารถของถนน อาทิ การสร้างทางข้ามจุดที่การจราจรหนาแน่น ช่วงบ้านพรุ ทุ่งลุง คลองแงะ สะเดา การทำทางข้ามจุดกลับรถ (ยูเทิร์นเกือกม้า) การลดไฟแดง จุดกลับรถลงเพื่อให้การไหลของรถคล่องตัวขึ้น ซึ่งใช้งบประมาณ 2.5 พันล้านบาท แต่แล้วโครงการก็เงียบไปโดยมีสารพัดเมกกะโปรเจ็กต์เข้ามาแทนที่
เมืองการค้าชายแดนสูงสุดเป็นมานานแล้ว เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษก็ได้เป็นแล้ว เหลือแต่งบประมาณก้อนพิเศษที่จะมาเปลี่ยนเมืองสะเดาเท่านั้นที่ยังต้องรอว่า "เมื่อไหร่จะได้" อย่าปล่อยให้สะเดาเติบโตอย่างไร้แบบแผนเพราะอนาคตอาจยากจะเยียวยา
ต้อม รัตภูมิ รายงาน