ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านภาวการณ์ทางสังคม เดือนพฤษภาคม 60


1 มิ.ย. 2560

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านภาวการณ์ทางสังคม เดือนพฤษภาคม 2560

ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ในเดือนพฤษภาคม 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการวัดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงของความสุขโดยรวมของประชาชนในภาคใต้  โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่า เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 52.20 เพศชาย ร้อยละ 47.80 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 34.60  และมีระดับการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 38.30

01.jpg

ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง  ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านภาวการณ์ทางสังคม เดือนพฤษภาคม 2560 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม ด้านภาวการณ์ทางสังคมปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านภาวการณ์ทางสังคม ในเดือนพฤษภาคมเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน พบว่า  ความสุขในการดำเนินชีวิต  และฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) มีความเชื่อมั่นลดลง เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดภาคการศึกษาของนักเรียนประถมและมัธยมศึกษา  ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กังวลต่อรายจ่ายดังกล่าว  รวมทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด เสถียรภาพทางการเมือง และการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีความเชื่อมั่นลดลง เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เหตุการณ์ระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี จังหวัดปัตตานี และเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จึงส่งผลให้ประชาชนมีความคิดเห็นว่า เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลลดลง

ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าความสุขในการดำเนินชีวิต และฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) ดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 24.10 และ 25.40 ตามลำดับ นอกจากนี้การแก้ปัญหายาเสพติด และเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 45.60 และ 47.20 และปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อความสุขในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันมากที่สุด คือ รายจ่าย คิดเป็นร้อยละ 39.50 รองลงมา คือ หนี้สินครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 31.60