ยกเครื่องบูรณะพิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะ รวมตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
วัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ของสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่เล่านานสืบต่อกันมายาวนานกว่า 400 ปี นับตั้งแต่สมัยสมัยกรุงศรีอยุธยา และถือว่าเป็นพระอริยะสงฆ์องค์หนึ่งแห่งยุค ซึ่งปัจจุบันยังคงมีพุทธศาสนิกชน และผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา รวมทั้งหลวงปู่ทวด ต่างพากันแวะเวียนมาสักการบูชา และตามหาร่องรอยอันเป็นตำนานของสมเด็จเจ้ากันอย่างไม่ขาดสาย
โดยที่วัดพะโคะ ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อเหล่านั้น เช่น อนุสาวรีย์สมเด็จพะโคะ , รูปจำลองสมเด็จพะโคะ , ลูกแก้วคู่บารมีของสมเด็จพะโคะ , รอยฝ่าพระพุทธบาทของสมเด็จพะโคะ , พระพุทธไสยาสน์พระพุทธโคตรมะ ปางปรินิพพาน และพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ รวมทั้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นๆอีกหลายรายการ นอกจากนี้ พระครูปุญญาพิศาล เจ้าอาวาสวัดพะโคะ องค์ปัจจุบัน ยังได้มอบหมายให้ พระศักรินทร์ สิริภัทโท รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล และบูรณะ พิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวด) ขึ้นมาใหม่อีกด้วย
พระศักรินทร์ เล่าว่า แต่ก่อนพิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะถูกจัดสร้างขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมของเก่าและวัตถุโบราณต่างๆในคาบสมุทรสทิงพระ แต่ยังไม่ได้มีการแบ่งแยกเป็นสัดส่วนหรือเรื่องราวที่ชัดเจน ซึ่งตนได้รับอาสาที่จะบูรณะพิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สามารถบอกเล่าเรื่องราวของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รวมทั้งความเจริญรุ่งเรืองของคาบสมุทรสทิงพระให้กลับกลับมาชีวิตอีกครั้ง
โดยขณะนี้ได้มีการเคลียร์พื้นที่และตกแต่งภายในคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30-40 เปอร์เซ็น ซึ่งมีการจัดแบ่งส่วนการแสดงออกเป็น 4 โซน ตามที่ได้วางแผนเอาไว้ คือ โซนแสดงชุมชนโบราณและแหลงที่พบโบราณวัตถุ โบราสถาน บนคาบสมุทรสทิงพระ , โซนเกี่ยวกับศาสนา , โซนความเจริญรุ่งเรืองของเมืองสทิงพระ และโซนเกี่ยวกับตำนานหลวงปู่ทวด ซึ่งในส่วนของวัตถุโบราณต่างๆของวัดพะโคะ และคาบสมุทรสทิงพระนั้น มีทั้งที่เป็นของวัดและชาวบ้านนำมาถวายวัดรวมกว่า 500 ชิ้น ซึ่งได้มีนำไปขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรแล้ว โดยบางส่วนจะมีการนำมาจัดแสดงเอาไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ ขณะที่อีกบางส่วนจะนำมาจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ในโอกาสต่างๆตามแต่สมควร
ทั้งนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีจุดเด่นอยู่ที่ภาพวาดที่จะบอกเล่าเรื่องราวของสมเด็จเจ้าขนาดใหญ่ 1.2 คูณ 2.4 เมตร รวมกว่า 18 ชุด โดยใช้สีอะครีลิควาดบนผืนผ้าใบ ซึ่งภาพวาดเหล่าเหล่านี้จะสามารถสื่อถึงเรื่องราวของสมเด็จเจ้าพะโคะ ได้อย่างชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน รวมทั้งสามารถเข้าใจและจดจำได้ง่ายกว่าการอ่านจากหนังสือหรือตำรา และที่พิเศษไปกว่าพิพิธภัณฑ์อื่นๆ คือ ภาพแต่ละใบจะมีการฝังคิวอาร์โค้ดเอาไว้ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกนรหัสที่ปรากฏ และใช้สายเสียบหูฟังรับฟังคำอธิบายของภาพแต่ละใบได้ เนื่องจากการบรรยายในห้องจัดแสดงจะมีเสียงดังก้องไม่ค่อยลื่นหู
นอกจากนี้ยังมีการจัดส่วนจัดแสดงแบบ 3 มิติ อีกจำนวน 4-5 จุด โดยการประยุกต์เอาภาพวาดจิตกรรมมาใช้เป็นแบ็คกราวน์พื้นหลังร่วมกับศิปละการปั้นประติมากรรมด้วยเรซิ่นขนาดเท่าตัวจริง เช่น ในตอนที่งูคายลูกแก้วให้กับสมเด็จเจ้าในครั้งที่ยังเป็นทารก และตอนที่สมเด็จเจ้านั่งอยู่บนเรือและใช้เท้าเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งจะมีความแปลกตาและดึงดูดใจคล้ายกับได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ สุดท้ายสำหรับผู้เที่เข้ามาเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ครบทั้ง 4 โซน จะได้ลอดซุ้มประตูธรรมจักร ซึ่งเปรียบประหนึ่งว่าได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ตำนานของวัดพะโคะ ตำนานของสมเด็จเจ้า และเรื่องราวในอดีตกาลของคาบสมุทรสทิงพระอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
พระศักรินทร์ กล่าวด้วยว่า เรื่องราวอันเป็นตำนานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ถูกจดจำ และเล่าขานสืบต่อกันมาก็เพราะด้วยแรงศรัทธาจากผู้ที่เลื่อมใสทั่วทุกสารทิศ เฉกเช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์สมเด็จเจ้าพะโคะที่กำลังจะกลายเป็นตำนานบทใหม่ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งผู้มีจิตกุศลสามารถร่วมสมทบทุนในการจัดสร้างได้ที่วัดพะโคะ ม.6 ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา หรือติดต่อได้โดยตรงที่เบอร์ 082-431-2716 (พระศักรินทร์) ซึ่งทางวัดมีวัตถุมงคลมอบให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการบูชา และเป็นสิริมงคล แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
ทีมข่าวอิสระ รายงาน