หน่วยงานที่เกี่ยวของลงตรวจสอบกรณีคราบน้ำมันในทะเลสาบสงขลา


19 ก.ย. 2560

ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา 

ตามที่จังหวัดได้รับทราบข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามผ่านเฟสบุ๊ค ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ย.60 ว่ามีเรือประมงลักลอบปล่อยน้ำมันลงทะเลสาบสงขลา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก นั้น

54.jpg53.jpg52.jpg

 (18 ก.ย.60) เวลา 13.30 น. ชุดเคลื่อนที่เร็ว ศดธ.สข. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผอ.สนง.เจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา,สนง.ประมงจังหวัดสงขลา,สนง.สวล.ภาคที่16, อ.เมืองสงขลา,ทน.สงขลา, อุปนายกสมาคมประมงสงขลา และภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น มี 2 ประเด็น คือ คราบน้ำมัน และขยะ ซึ่งได้กำหนดแนวทางแก้ไขได้ดังนี้นี้
1.คราบน้ำมันเครื่องที่มีการนำเสนอนั้น ในวันตรวจสอบ เวลาประมาณ 14.00 น.ณ โรงสีแดง และร้านคาเฟ่ เดอซี ไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด แต่มีกลิ่นน้ำมันบ้างเล็กน้อย สำหรับขยะ ซึ่งจะเป็นขวดพลาสติก และกล่องโฟมที่ลอยมาตามกระแสน้ำ มีปริมาณไม่มากนัก
2.จากการร่วมตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแล้วเห็นว่า การจะระบุแหล่งที่มาของคราบน้ำมันไม่สามารถที่จะสรุปได้ชัดเจน ว่ามาจากเรือประมง ภาคครัวเรือน ร้านซ่อมเครื่องยนต์ หรือการลักลอบถ่ายน้ำมันลงในทะเลสาบสงขลา เพราะคราบน้ำมันจะไหลมาตามกระแสน้ำ 
3.สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น จะต้องให้หน่วยงานต่างๆ ได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากเครือข่ายได้ตระหนักถึงผลกระทบของคราบน้ำมัน และขยะ หากมีปริมาณมาก จะทำให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม จึงต้องกำกับดูแลตามอำนาจหน้าที่ ประกอบด้วย
(1) เทศบาลนครสงขลา จะต้องกำชับชาวบ้านที่อาศัยริมทะเลสาบให้ช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล และน้ำมัน ลงในทะเลสาบ ตลอดจนดูแลท่อระบายน้ำที่ปล่อยไหลลงสู่ ทะเลสาบจะต้องไม่มีคราบน้ำมัน ซึ่งจะต้องมีการดูแลกิจการที่เป็นอันตรายฯ โดยเฉพาะร้านซ่อมรถ
(2) สนง.เจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลาจะขอความร่วมมือไปยังท่าเรือต่างๆ สนง.ประมงจังหวัดสงขลาขอความร่วมมือไปยังเจ้าของเรือประมง ให้ตระหนักในเรื่องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
(3) สมาคมประมงจังหวัดสงขลาจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือประมง ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ได้ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา และตระหนักถึงผลกระทบ
(4) ภาคีเครือข่ายคนรักสงขลาสมาคมมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ และยินดีที่จะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาต่างๆ 

ทั้งนี้ แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่หากทุกภาคส่วนไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง อาจจะทำให้ปัญหาขยายวงออกไปได้ จึงจำเป็นจะต้องมีการติดตามการแก้ไขปัญหาข้างต้นอย่างใกล้ชิดเป็นระยะๆ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าและประเมินผลการแก้ไขอีกครั้งในกลางเดือนตุลาคม 2560 ว่าสภาพน้ำในบริเวณดังกล่าวจะดีขึ้น หรือไม่ อย่างไร เพื่อจะได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป