นิสิต ม.ทักษิณ หลักสูตรภาษาจีน เผยประสบการณ์แดนมังกร เรียน เที่ยว กิน
สวัสดีครับเพื่อนๆ ผม นายภาวิต นิสิตชั้นปี 3 หลักสูตรภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ทักษิณ สงขลา เผลอแป๊บเดียวผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วครับที่ผมได้มาศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีนที่มหาวิทยาลัยครูกว่างซี เมืองกุ้ยหลิน มณฑนกว่างซี ผมรู้สึกประทับใจและดีใจมากที่ได้มาศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความสัมพันธ์อันดีกับมหาวิทยาลัยทักษิณมานาน และที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาศึกษาภาษาจีน
รูมเมทกับการปรับตัวในหอพักสำหรับชาวต่างชาติ
ในอาทิตย์แรกซึ่งเป็นอาทิตย์ที่ต้องปรับตัวและดำเนินการลงทะเบียนต่างๆ อาจารย์ก็ได้ช่วยจัดการทำทุกอย่างให้ง่ายขึ้นแต่ก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำการปรับตัวด้วยตนเองเป็นอย่างมาก เช่นการปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมห้องชาวต่างชาติ ผมได้รูมเมทเป็นชาวโปแลนด์ แน่นอนภาษาอังกฤษก็เริ่มจำเป็นสำหรับผมในการสื่อสารกับเขา พวกเรามีวัตถุประสงค์เดียวกันในการมาที่นี่ก็คือ ศึกษาภาษาจีนและต้องคุยเป็นภาษาจีน ทำให้ทุกวันเราคุยกันภาษาจีนเวอร์ชั่นโปแลนด์และเวอร์ชั่นไทย (ฮ่าๆ) ยอมรับว่าแรกๆอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ยิ่งคุยไปก็ดีขึ้นช่วยกันปรับช่วยกันแก้ แต่เราก็ตกลงกันว่าวันไหนจะพูดภาษาอังกฤษกัน ก็นับว่าเป็นโอกาสดีนะครับ ที่ได้ซึมซับภาษาอังกฤษบ้าง!!!
เรื่องกินเรื่องใหญ่
ส่วนอาหารการกินต่างๆไม่ต้องพูดถึงเลยครับอาทิตย์แรกผมต้องเผชิญกับอาการที่เรียกว่า Culture shock เพราะวันแรกที่ไปร้านอาหาร ผมไม่รู้จักเมนูอาหารเหล่านั้นเลยว่าเป็นอาหารอะไร โดยเฉพาะพวกเนื้อ ซึ่งผมเป็นอิสลามทานเนื้อหมูไม่ได้ ต้องถามพนักงานเจ้าของร้านซึ่งเขาก็เข้าใจและช่วยแนะนำเมนูที่เราทานได้ และอยากบอกว่ามีอาหารเเปลกๆมากมายที่เด็ดๆเช่น หม่าล่า麻辣 แปลว่ารสเผ็ดร้อนเป็นบาบีคิวพิสดาร มีทั้งเนื้อและผักทานแล้วร้อน ไม่ใช่ร้อนธรรมดานะครับ!! ชา ด้วย ปากชาไปหมด ผมดื่มน้ำไปสองลิตรก็ไม่หายชา ทำอย่างเดียวคือทำใจ และพูดว่าไม่เอาอีกแล้ว Culture Shock อีกเรื่อง คือการใช้ตะเกียบทาน ตักและไม่มีช้อนใช้ ผมไม่ค่อยถนัดทำตกไปหลายคู่ (ฮ่าๆ)
อยากบอกเลยว่าผมไม่เท่าไหร่นะแต่เมทชาวโปแลนด์สิครับ เกิดอาการเป็นลมเพราะกินเผ็ดไม่ได้แต่ก็ยังกินเข้าไป สำหรับเรื่องราคาอาหาร ค่าครองชีพที่นี่ไม่แพงถึงแม้ว่าสกุลเงินหยวนจะแพงกว่าไทย (5บาทเท่ากับ 1 หยวน) แต่ราคาข้าวของสาธารณูปโภคต่างพอๆกับบ้านเรา อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างจะแพงบ้าง พวกเรานิสิตต่างชาติส่วนใหญ่จะออกไปทานอาหารกันข้างนอกมหาวิทยาลัย (ในมหาวิทยาลัยก็จะมีโรงอาหารซึ่งตอนสั่งอาหารต้องใช้บัตรโรงอาหารโดยการเติมเงินในบัตรและใช้สแกนแทนจ่ายเงินสด อาหารก็หลากหลาย แต่ยอมรับว่าทานไม่ค่อยได้เพราะไม่คุ้นเคยและคิดถึงอาหารไทยมากจนในบางครั้งต้องปรุงมาม่ารสเขียวหวานที่นำมาจากไทยไว้ทานเวลาคิดถึงอาหารไทย แต่อยู่ไปผมก็เริ่มปรับตัวกับอาหารจีนได้แล้วและตอนนี้ผมใช้ตะเกียบได้เร็วขึ้น ไม่ทำตกและทานอาหารจีนได้มากขึ้นแล้วครับ
การเรียนในจีน
ช่วงแรกๆผมฟังอาจารย์พูดภาษาจีนไม่ค่อยเข้าใจเพราะอาจารย์พูดเร็วมาก ผมมักจะบอกให้อาจารย์พูดใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่ค่อยดีนัก ในห้องเรียนจะมีนักเรียนต่างชาติมาเรียนด้วยกันบรรยากาศก็ครึกครื้นมากขึ้นเพราะ หูซ้ายฟังภาษาเวียดนาม
หูขวาฟังภาษามาเลย์อินโด ข้างหน้าอาจารย์ก็พูดจีน หลังๆผมเริ่มปรับตัวได้มากขึ้นและมีเพื่อนต่างชาติมากขึ้นโดยเฉพาะชาติจากอาเซียนนี้มากเป็นพิเศษเลยครับ
นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้คำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ที่จะมีต่อการเรียนภาษาจีนของพวกเราโดยการหาคู่บัดดี้ชาวจีนให้นิสิตต่างชาติแต่ละคนได้มีบัดดี้พูดคุยและเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ซึ่งนับว่าเป็นเป็นโอกาสดีและสำคัญมากสำหรับผมและเพื่อนๆที่จะได้ใช้ภาษากับเจ้าของภาษา แต่บัดดี้จะอยู่อีกวิทยาเขต นั่งรถมหาวิทยาลัยไป30 กว่านาทีก็ถึง เมื่อมีโอกาสดีๆผมก็ได้ไปเยี่ยมบัดดี้ที่นั้นโดยทางอาจารย์พาไป ในการติดต่อสื่อสารกันส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรม We Chat ในการติดต่อกัน แม้กระทั่งในเรื่องการทำธุรกรรมต่างๆก็สามารถใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ สั่งของก็จะสะดวกมากขึ้น แม้กระทั่งการขึ้นรถบัสสาธารณะ สามารถใช้ QR Code สแกนได้เมื่อมีเงินผูกกับบัญชีธนาคาร ถ้าใช้เงินสดก็ประมาณ 2 หยวน ( 10 บาท) เดินทางไปได้ทั้งสาย ส่วนใหญ่ผมจะนั่งไปเที่ยวสวนสาธารณะใกล้ๆ เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น โดยเฉพาะสวนสาธารณะมีทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะที่จะมานั่งเล่นเยี่ยมชมและพักผ่อนผมมักจะไปอ่านหนังสือและถ่ายรูปเจดีย์ทรงจีน คนมาเที่ยวทุกวันโดยเฉพาะในช่วงเวลาวันหยุดงานหยุดเรียนเช่นเทศกาลวันชาติจีนและเทศกาลจงชิว หรือเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ( Mid-Autumn Festival)ชาวจีนก็จะหลั่งไหลกันมาเที่ยวหนาแน่นทุกวันในช่วงนี้ เพื่อมาฉลองวันเกิดของประเทศจีน กลางคืนก็จะมีการลอยโคมไฟ ส่วนกลางวันครอบครัวชาวจีนจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมกันทานขนมไหว้พระจันทร์ และผมก็ได้รับขนมไหว้พระจันทร์บ่อยช่วงนี้ ซึ่งบัดดี้ทำเองที่บ้านและเขาส่งมาให้ผมทาน หวานปากมาก โดยปกติขนมไหว้พระจันทน์ตกอยู่ลูกละ13¥ (ประมาณ 60-70 บ.) มีหลากหลายรสชาติเหมือนบ้านเราแต่น่าจะถูกกว่าบ้านเรา บัดดี้บอกว่าวันหลังจะชวนมาช่วยทำ เขาใจดีมากครับ
ที่มาอยู่ประเทศที่เป็นระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้และเรื่องสุดท้ายที่จะฝากก็คือเรื่องห้องน้ำที่นี่อยากบอกว่าส่วนใหญ่สะอาดและดีขึ้นมากโดยเฉพาะในมหาลัยก็นับว่าดีและห้องน้ำในสวนสาธารณะก็ยิ่งสะอาดมากอีกซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่กลัวมากแต่พอได้รู้อย่างนี้ก็เบาใจมาก แต่อาจจะมีบ้างบางที่ที่ไม่ค่อยสะอาดซึ่งยังไม่เคยเห็น. ตอนแรกผมก็ยอมรับว่ากลัวทุกอย่าง ว่าจะปรับตัวอยู่ได้ไหม แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆก็ถือว่าผ่านนะครับ ตรงข้ามกับสิ่งที่เคยคิดอย่างมาก
เป็นไงบ้างครับน่าสนใจไหมครับ ช่วงซัมเมอร์ใครสนใจมาเรียนคอร์สระยะสั้นที่นี่ก็ลองมาสัมผัสดูนะครับ
หมายเหตุ (นิสิตหลักสูตรภาษาจีน ไปเรียนที่ประเทศจีน 1 ปี ช่วงปี 3 ตามโครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน)