รุ่นพี่ร่วมชี้แนะผู้ว่าฯดลเดช 1ปีที่สงขลาควรทำอะไรบ้าง


17 ต.ค. 2560

ฟังคำแนะนำ 1 ปี ของ ผวจ.สงขลา ควรทำอะไร คำแนะนำจาก ชมรมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทย จ.สงขลา และนักปกครองอาวุโสจากภาคใต้ตอนล่าง  ชี้แนวทางการทำงานในระยะเวลา 1 ปีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาวสงขลา​

59.jpg

วันที่ 17 ต.ค. 60 ที่ห้องประชุมเล็ก โรงแรมวีแอล หาดใหญ่ นายวิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต )ประธานชมรมข้าราชการบำนาญ กระทรวงมหาดไทย จ.สงขลา และนักปกครองอาวุโสจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการประชุมประจำเดือน โดยเชิญนายดลเดช พัฒรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาคนใหม่ เข้าร่วมประชุม เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะ ในการบริหารจังหวัดสงขลา จากชมรมฯ ซึ่งเป็นนักปกครองรุ่นพี่ ที่ต่างมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินมาก่อน

โดยมีนักปกครองระดับอดีต รมช.กระทรวงมหาดไทยเช่น นายบัญญัติ จันทร์เสนะ และ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ อดีตรองเลขาธิการ ศอ.บต. เข้าร่วมประชุมกว่า 30 คน โดยทางชมรมฯได้เชิญนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟัง และนำเสนอคิดเห็น ในการพัฒนา และปัญหาต่างๆของ จ.สงขลา ที่ต้องดำเนินการใน 1 ปี

โดย นายวิสุทธิ์ ได้นำเสนอเรื่องการฟื้นฟู เปิดจุด ผ่อนปรน หรือช่อง ขาวแดง ในอดีต ที่ชายแดน ตลาดปาดังเบซาร์ เพื่อแก้ปัญหาความซบเซาของเศรษฐกิจการค้า ชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นนายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ก็มีแนวคิดในการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เมืองชายแดนแห่งนี้ รวมทั้งให้มีการติดตามผลัดดันในเรื่องของระบบรางของการเดินรถไฟระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายมาเลเซียได้ดำเนินไปแล้ว แต่ฝ่ายไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเริ่มโครงการได้เมื่อไหร่

นอกจากนี้ นายวิสุทธิ์ ยังมีความเห็นต่อไปว่า จังหวัดสงขลาควรจะมีการสานความสัมพันธ์กับสุลต่านรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เพื่อ เพื่อให้มีความแน่นแฟ้นเพราะมีชายแดนที่ติดต่อกัน รวมทั้งให้มีการติดตามความคืบหน้าในเรื่องของ เขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา จ.สงขลา เพราะขณะนี้ ความก้าวหน้าของ เขตเศรษฐกิจพิเศษ เงียบหายไป

ขณะที่ นายบัญญัติ จันทร์เสนะ อดีต รมช.มหาดไทย และ อดีต ผวจ.สงขลา ได้กว่าถึงจุดแข็งของ จ.สงขลา ที่มีมากกว่าพื้นที่อื่นๆ มีภาคีเครือข่ายที่พร้อมในด้านการพัฒนา เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีการต่อเนื่อง ในแผนงานและโครงการต่างๆ รวมทั้งไม่ได้เข้าไปดูแลอย่างจริงจัง เช่นการกับกับดูแลในงานของส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ที่จะต้องทำ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล

60.jpg58.jpg

 

 ในขณะที่ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ อดีต รองเลขาธิการ ศอ.บต. ได้นำเสนอถึงโครงการไทยแลนด์ 4.0 ว่า จังหวัดสงขลา จะต้องให้ความสำคัญ โดยร่วมมือกับ สถาบันการศึกษา เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ จากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพราะนโยบายนี้ถ้ามีการผลักดันให้เกิดประโยชน์ จะครอบคลุมประชาชนทุกสาขาอาชีพ

ด้าน นายไชยยงค์ ได้ชี้ให้เห็นถึง  ปัญหาที่ต้องแก้ไข เช่น ปัญหาการทุจริตในโครงการ 1910 ซึ่งเกิดขึ้นในหลายอำเภอของ จ.สงขลา และเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายบัญญัติ จันทร์เสนะ ในการกำกับดูแลท้องถิ่น เนื่องจากพบว่ามีการทุจริต และเรียกรับประโยชน์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งปัญหาการระบาดของยาเสพติด ในจังหวัดสงขลา ที่ต้อตอมาจาก การเรียกรับ”ส่วย”จากผู้ค้ายาเสพติด ของเจ้าหน้าที่ในทุกอำเภอ รวมทั้งต้องมีแผนในการผลักดันให้ นโยบาย 4.0 ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน อย่าให้เป็นเพียง”วาทกรรม” แต่ต้องทำให้เป็น”รูปธรรม” ที่จับต้องได้

 และสิ่งที่ จ.สงขลา ต้องเข้าใจ และแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรืออาจจะเกิดขึ้นหลังเดือนตุลาคม คือเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ที่ อ.จะนะ ซึ่ง จ.สงขลา จะกลายเป็นเวทีการเคลื่อนไหวของ ผู้เห็นต่าง ในโครงการสร้างท่าเรือ และโรงไฟฟ้า ในโครงการเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเตรียมแผนในการรับมือกับปัญหา  เช่นเดียวกับปัญหาความมั่นคงใน 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา ที่มีความเคลื่อนไหวในด้านการ "บ่มเพาะ" ซึ่งเป็นงานด้านการเมืองมากขึ้น โดยให้จับตากลุ่มคนที่ไปศึกษาต่อใน 3 จังหวัดชายแดนที่ เสี่ยงต่อการเป็น แนวร่วม รุนใหม่ เพื่อก่อการร้ายในพื้นที่

 นอกจากนั้น อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายท่าน ได้นำเสนอให้ นายดลเดช แก้ปัญหาเครื่องมือการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เช่น โพงพาง เเละอื่นๆ ในทะเลสาบสงขลา ซึ่งในสมัยที่นายธำรงค์ เจริญกุล อดีต ผวจ.สงขลา ได้แก้ปัญหาไปแล้วบางส่วน แต่ขณะนี้ชาวประมงในพื้นที่ ได้รุกล้ำเข้ามาทำโพงพาง จนสร้างปัญหากับการเดินเรือ และการทำลายภูมทัศน์ ให้เกิดขึ้นอีก จึงต้องการให้มีการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ นายดลเดช ได้กล่าวขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อเสนอแนะในการทำงาน และตนเองก็ได้ทำงานทันทีที่เดินทางมารับตำแหน่ง ซึ่งตนเองก็ได้ให้ความสนใจกับปัญหา ขยะ สิ่งแวดล้อม และปัญหา จราจร โดยได้ลงพื้นที่ไปดูปัญหา และพบปะกับบุคคลกลุ่มต่างๆบ้างแล้ว ซึ่ง 1 ปี ที่ตนมาเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพราะมีทีมงาน ตั้งแต่รอง ผวจ. ปลัดจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งเป็นผู้ที่รู้งาน รู้ปัญหา ทุกอย่างอยู่แล้ว