ผู้ว่าฯ กยท.เปิดตลาดกลางน้ำยางสดนำร่องแห่งของประเทศแรกที่แรกที่นาทวี
ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดตลาดกลางน้ำยางสดนำร่องแห่งแรกที่การยางแห่งประเทศไทย สาขานาทวี จ.สงขลา เพื่อแก้ปัญหาระบบการบริหารจัดการแบบเดิมๆ โดยเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ 3 ฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ กยท. ทั้งในส่วนราคา และคุณภาพ ซึ่งจะเนินการตามมาตรฐานในนามของ กยท.
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 19 ต.ค. 60 ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อเยี่ยมเยียน และทำพิธีเปิดดำเนินกิจกรรมตลาดกลางน้ำยางสด ตามโครงการจัดตั้งตลาดกลางน้ำยางสด การยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งจัดขึ้นที่การยางแห่งประเทศไทย สาขานาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา และติดตามการดำเนินกิจกรรมแปรูปยางของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง สกย.นาทวี ซึ่งเป็นสถาบันเกษตรกรแห่งแรกที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ตามมาตรา 49 (3)
ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 จังหวัด คือ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส นั้น เป็นพื้นที่ที่เกษตรกรส่วนใหญ่ยึดถืออาชีพการทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลักมาอย่างยาวนาน โดยมีพื้นที่สวนยางพาราใน 5 จังหวัดรวมกันประมาณ 5.1 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 23.18 ของประเทศ และมีผลผลิตรวม 1,117,880 ตัน ต่อปี
โดยการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง ได้ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มน้ำยางสดทั้งหมดจำนวน 452 กลุ่ม และดำเนินการจัดตั้งศูนย์รวบรวมน้ำยางสด หรือบ่อน้ำยาง เพื่อรวบรวมน้ำยางสดจากกลุ่มย่อยจำนวน 11 ศูนย์ ซึ่งคิดเป็นปริมาณเนื้อยางแห้งประมาณ 16,000 ตัน ต่อปี และมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 900 ล้านบาท ต่อปี
ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า จากข้อมูลโดยรวมข้างต้นนั้น ทำให้การยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนล่าง ดำเนินโครงการนำร่องจัดตั้งตลาดกลางน้ำยางสดขึ้นที่การยางแห่งประเทศไทย สาขานาทวี เพื่อดำเนินการรวบรวมผลผลิตจากสถาบันเกษตรกร และจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการต่างๆ ในนามของ การยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรับรองทั้งปริมาณ และคุณภาพ ซึ่งจะช่วยลดปัญหา และพัฒนาระบบของการบริหารจัดการตลาดน้ำยางสดจากสถาบันเกษตรกร รวมถึงหน่วยงานรับผิดชอบเดิม
ทั้งนี้โครงการนำร่องตลาดกลางน้ำยางสดของการยางแห่งประเทศไทย สาขานาทวี มีพนักงานและเกษตรกรสนใจเข้าร่วมแล้วจำนวน 250 ราย โดยจะมีการอ้างอิงกำหนดราคา และทำการขายให้แก่ผู้ประกอบการในนามของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งมีระบบการควบคุมคุณภาพ และมีรูปแบบการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน และผลที่ได้รับคาดว่า จะส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่เป็นธรรม มีเสถียรภาพ รวมไปถึงอำนาจในการต่อรองที่สูงขึ้น ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการก็จะมั่นใจได้ว่า จะได้น้ำยางสดที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน ส่วนการยางแห่งประเทศไทย ก็จะมีรายได้จากโครงการ รวมไปถึงข้อมูลด้านปริมาณน้ำยาสดที่ถูกต้อง ชัดเจน จากพื้นที่ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบต่อไป