อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ มอบโล่แก่จังหวัดที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน กพส.
ศูนย์ข่าวบ้านเรา.-อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์มอบโล่รางวัลให้แก่จังหวัดที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการบริหารจัดการเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) รวม 46 จังหวัดทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 16.30 น. 17 ก.พ. 59 ที่ห้องประชุมกังสดาล โรงแรมเอเชี่ยน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายปริญญา เพ็งสมบัติ รองอธิบดี นายเสน่ห์ สภาพันธ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ เดินทางร่วมงานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “แนวทางการบริหารจัดการเงิน กพส.” ประจำปีงบประมาณ 2559 ซึ่งจัดขั้นโดยกองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์
พร้อมกับมอบโล่ ใบประกาศ และเงินรางวัล ให้แก่จังหวัดที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการบริหารจัดการเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ประจำปีงบประมาณ 2558 ตามหลักเกณฑ์การประเมิน 4 หมวด คือ การปฏิบัติงานปกติ , การติดตามรายงานผลการปฏิบัติงาน , การติดตามเร่งรัดหนี้และการแก้ไขหนี้ผิดนัด และ การเผยแพร่ภาพลักษณ์กองทุนพัฒนาสหกรณ์
โดยการมอบรางวัลจังหวัดที่ผ่านเกณฑ์การประเมินทั่วประเทศแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม รวม 46 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดที่ไม่มีหนี้ผิดนัดค้างชำระรวม 16 จังหวัด , จังหวัดที่มีผลงานด้านการติดตามเร่งรัดหนี้ผิดนัดค้างชำระ และมีการเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปีจำนวน 0-25 สัญญา จำนวน 16 จังหวัด , จังหวัดที่มีผลงานด้านการติดตามเร่งรัดหนี้ผิดนัดค้างชำระ และมีการเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปีจำนวน 26-50 สัญญา จำนวน 9 จังหวัด และ จังหวัดที่มีผลงานด้านการติดตามเร่งรัดหนี้ผิดนัดค้างชำระ และมีกรเบิกจ่ายเงินกู้ระหว่างปีมากกว่า 50 สัญญาขึ้นไป จำนวน 5 จังหวัด
ทั้งนี้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กล่าวขอบคุณสหกรณ์จังหวัดและผู้แทนสหกรณ์ทุกแห่งที่ได้ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนงานนโยบายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งการมอบรางวัลต่างในครั้งเป็นเป็นทั้งขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ที่ทุ่มเททำงานจนปรากฏผลเป็นรูปธรรม สำหรับเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ขอให้สหกรณ์ทุกจังหวัดจัดการให้ถูกต้องตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และ เงื่อนไข ของเงินกองทุนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่สหกรณ์นั้นๆ โดยเฉพาะสหกรณ์ขนาดเล็กและขนาดกลางในแต่ละจังหวัด ซึ่งหลายแห่งค่อนข้างมีปัญหาเมื่อเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านตัวผู้จัดการ หรือคณะกรรมการดำเนินงาน ทั้งนี้เพื่อให้เงินของกองทุน ซึ่งเป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน สามารถใช้พัฒนาระบบสหกรณ์ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด