รมว.เกษตร เชื่อมั่นการใช้ 3 มาตรการสำคัญจะช่วยให้ราคายางขยับสูงขึ้นได้


14 ธ.ค. 2560

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์วางแผนการดำเนินงานส่งเสริมให้ราคาพืชผลของเกษตรกรดีขึ้น ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องยางพารา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยขณะนี้ราคายางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 46 - 47 บาท จึงได้วางมาตรการดำเนินการในเบื้องต้นเป็น 3 มาตรการ ดังนี้ 

61.jpg

(1)ภายในสัปดาห์หน้าจะยังคงให้ภาคเอกชนร่วมกับการยางแห่งประเทศไทยรับซื้อยางพารา แต่หลังจากนั้นหากราคายางยังไม่เพิ่มขึ้น ทางกระทรวงเกษตรฯ โดยการยางแห่งประเทศไทย จะประสานไปยังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมผู้ส่งออกเร่งซื้อยางให้เพิ่มมากขึ้น 

(2) เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในโครงการต่างๆ ของส่วนราชการจากเดิมปริมาณ 33,000 ตัน เพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 50,000 - 80,000 ตัน โดยร่วมกับกระทรวงคมนาคมเร่งใช้ยางพาราในโครงการซ่อมถนน ทั้งถนนสายรองและถนนตามหมู่บ้านต่างๆ 

(3) หากแนวทางดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้ราคายางเพิ่มขึ้น ทางการยางแห่งประเทศไทยจะเตรียมงบประมาณเพื่อรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยางเพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้ง 3 มาตรการดังกล่าวจะทำให้ราคายางพาราขยับตัวเพิ่มขึ้นได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการนำยางพาราที่ค้างสต๊อกมาใช้อย่างแน่นอน และจะดูแลเกษตรกรชาวสวนยางโดยรับซื้อยางพาราในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต

นอกจากนี้ จะมีการจัดโครงการอบรมเกษตรกร โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยจัดอบรม 1 หลักสูตร 2 กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมแนะนำให้เกษตรกรได้เรียนรู้และวางแผนการจำหน่ายพืชผล เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงที่รอฤดูกาลขายผลผลิตทางการเกษตร 

รวมทั้งจะส่งเสริมให้มีคลินิกแก้ไขความยากจน โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพและแนะนำแนวทางในการหารายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกร เช่น การรวมกลุ่มในการเลี้ยงปศุสัตว์ เป็นต้น ทั้งนี้ เป้าหมายแรกในการดำเนินงาน คือ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจนและมีหนี้สินมาก ซึ่งเป็นความเร่งด่วนที่ต้องให้ความช่วยเหลือในลำดับแรก โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรต่อไป