เรารักษ์วัด: เยาวชนรุ่นใหม่กับการเข้าวัด
เรารักษ์วัด: เยาวชนรุ่นใหม่กับการเข้าวัด
สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 23-27 มกราคม ดิฉันมีโอกาสได้ไปเข้าค่ายธารน้ำใจมอบไออุ่น ณ อ.ภูเรือ จ.เลย จัดโดยเครือข่ายเด็กเด็กรักษ์วัด 5 สถาบัน ( Facebook เพจ เด็กรักษ์วัด) เพื่อนๆที่มาเข้าร่วมก็มาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยทักษิณ 2 คนค่ะ
ค่ายที่ไปทำกิจกรรมจัดที่สวนป่าหิมวันต์ อุณหภูมิ 13-18 องศา แต่กลางวันจะค่อนข้างร้อน ส่วนตึกห้องพักระว่างหญิงกับชายจะแยกกัน แล้วทุกคนนอนคนละห้องค่ะ (เหมือนมาวิปัสสนาก็ว่าได้) กิจกรรมวันแรกเป็นการละลายพฤติกรรม มีการจับบัดดี้บัดเดอร์ พี่เทคน้องเทค มีเกมส์ต่างๆให้เล่นเป็นกลุ่ม ซึ่งทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น และมีความสามัคคี และกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วนในระหว่างที่อยู่ค่ายก็จะมีการถือศีล 8 คือ รับประทานอาหารภายในตอนเเที่ยง หลังจากนั้นดื่มน้ำได้อย่างเดียว และที่ชัดเจนสำหรับผู้หญิงคือ แต่งหน้าไม่ได้ค่ะ ส่วนตอนค่ำของแต่ละวันก็มีการนั่งสมาธิบนอาสนะ สวดมนต์ โดยเฉพาะบทสวดบทธรรมจักรกัปปวัตนสูตร และยังมีการฟังเทศน์ฟังธรรมจากหลวงพี่ที่จัดกิจกรรมให้และกับชาวต่างชาติจากอเมริกาที่มาเรียนรู้ธรรมะในสวนป่าแห่งนี้ค่ะ และตอนเช้าของแต่ละวันในค่ายก็จะมานั่งสมาธิ สวดมนต์กันตั้งแต่ตี 5:30 ค่ะ
ส่วนกิจกรรมอาสาไปช่วยเหลือชุมชนก็จะมีทำความสะอาด 2 วัดทั้งวัน ซึ่งคือวันที่ 2 พวกเราออกจากที่พักแต่เช้า แล้วไปทำบุญกับเช้าบ้านที่นั่นซึ่งวันนั้นเป็นวันพระ พวกเราก็ตักบาตรข้าวเหนียว และหลังจากนั้นรับประทานอาหารเช้ากับชาวบ้าน และยังมีพิธีบายศรีสู่ขวัญซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เรียนรู้พิธีแบบนี้ เพราะปกติไม่ได้เป็นคนเคร่งด้านศาสนาเลย ทำให้เรารู้สึกสงบและอบอุ่น เข้าใจถึงศาสนามากขึ้น หลังจากนั้นพวกเราก็แจกเสื้อผ้ากันหนาวให้กับชาวบ้านที่ขนกันมาจากกทม.และสงขลา และทำความสะอาดทุกส่วนในวัด เช่น กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ เช็ดกระจก ถูพื้น ทำความสะอาดพระพุทธรูปบูชา เป็นต้น
กิจกรรมของวันที่ 3คือ ไปสร้างรอยยิ้มและมอบไออุ่นให้น้องๆที่โรงเรียนบ้านแก่ง ซึ่งอยู่บนเขาเช่นกันค่ะ เรามีเกมส์สร้างสรรค์ให้เล่น มีการแสดงให้น้องๆ และแจกขนมระหว่างกิจกรรม พอเสร็จกิจกรรม พวกเราก็แจกเสื้อผ้า กระเป๋า ของเล่น และหนังสือให้กับน้องๆและผู้ปกครอง พอตกกลางคืนก็มีพระนพดล สิริวํโส มาให้ความรู้เรื่องต่างๆในโลกของเรา มีข้อสงสัยอะไร พระอาจารย์นภดลพร้อมให้ความรู้ที่กระจ่าง และยังมีทุนการศึกษาให้นักศึกษาอีกด้วยค่ะ
วันที่4 ของค่ายก็จะมีการเที่ยวรอบๆภูเรือค่ะ สิ่งที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้คือ ตื่นมาตี 3 เดินขึ้นเขาไปที่ยอดภูเรือประมาณเกือบสองกิโลเมตร บนยอดภูตอนนั้นอุณหภูมิ 9 องศา พอถึงที่นั่นได้สักพักก็มีการสวดมนต์ และนั่งสมาธิ ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นในยามเช้า และได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น สวยงามมากค่ะ
คืนสุดท้ายนี้เราก็มีการเรียนการจัดการค่ายต่อ และหลังจากนั้นมีการเฉลยบัดดี้บัดเดอร์ พี่เทคน้องเทค เพื่อแลกของขวัญกันค่ะ บัดเดอร์ของดิฉันคือน้องปี 1 เอกฝรั่งเศส จากธรรมศาสตร์ มีความเป็นกันเองและน่ารักมากค่ะ ส่วนพี่เทคมาจากรามคำแหง ใส่ใจดีตั้งแต่แรกๆแล้วค่ะ
ตลอดระยะเวลาของค่าย พวกเรามีความสุขกันมาก ช่วยเหลือกัน ถ้ามีอะไรฉุกเฉินตอนกลางคืนที่นอนคนเดียวก็โทรกันมาได้ เพื่อนๆต่างมหาวิทยาลัยทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว เราอยู่ด้วยกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ เพื่อนพร้อมที่จะช่วยเสมอจนถึงวันสุดท้ายที่ต้องออกจากกรุงเทพ เพื่อนก็ไปส่งค่ะ
ค่ายนี้เป็นค่ายที่ทำให้เราได้เปิดโอกาสสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง มองโลกที่แตกต่างมากขึ้น กิจกรรมนี้ไม่ใช่มีเพียงแต่พุทธศาสนาอยู่ตลอด แต่สอนให้เราได้ออกไปช่วยเหลือชุมชนข้างนอก จัดกิจกรรมที่สร้างๆ ได้มิตรภาพที่ดีซึ่งกันและกัน ถ้านิสิตคนใดสนใจค่ายแนวนี้ สามารถติดตามได้ที่เพจ “เด็กรักษ์วัด” ซึ่งจะมีค่ายมาอยู่เรื่อยๆและเข้าร่วมฟรี อีกทั้งยังมีทุนการศึกษาให้อีกด้วยค่ะ
บทความโดย นางสาวมานิตา อักษรสว่าง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 หลักสูตรภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา