ชาวเทพายื่นหนังสือหนุนโรงไฟฟ้าเทพา เชื่อถ้ามีโรงไฟฟ้าจะทำให้ชีวิตชุมชนดีขึ้น


12 มี.ค. 2561

ชาวเทพาชาวกระบี่ยื่นหนังสือยืนยันสนับสนุนโรงไฟฟ้าเทพาและโรงไฟฟ้ากระบี่ ขอให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 20 ก.พ.61  ภายใน 7 วัน

S__58523803.jpg

วันที่ 9 มีนาคม 2561 เวลา 11.00 น. ตัวแทนจากเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชน จ.กระบี่ จำนวน 60 คน และเครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน 150 ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีพลตำรวจตรีภัครพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาต้อนรับและรับมอบหนังสือ โดยมีตัวแทนสหภาพ กฟผ.จำนวน 20 คน มาให้กำลังใจชุมชน จ.กระบี่และเทพา ณ สำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพร.) ทำเนียบรัฐบาล

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมในเลือกผู้แทนฝ่ายละ 10 คนร่วมหารือ ประกอบด้วย ตัวแทนกระบี่ 10 คน ตัวแทนเทพา 10 คน และ ตัวแทนสหภาพ กฟผ. ร่วมประชุมกับตัวแทนรัฐบาล โดยมีนายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เป็นประธานการประชุมภายหลังการประชุมหารือร่วม 3 ฝ่าย ได้มีการแถลงข่าว โดยมีตัวแทนจากเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชน จังหวัดกระบี่

นายกิจจา ทองทิพย์ ตัวแทนจากเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชน จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีว่าการพลังงาน ที่ได้ลงนาม MOU อัปยศ ระหว่าง รัฐมนตรีพลังงานและกลุ่ม NGO ที่คัดค้านเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ชึ่งการกระทำในวันนั้นเป็นการเหยียบย่ำคนกระบี่ ที่อยากเห็นความมั่นคงและความเจริญในพื้นที่ สิ่งที่ชุมชนต้องการคือ  ขอให้ยกเลิก  MOU  ขอให้เดินหน้าทำ EHIA  และขอให้ทำประชามติในจังหวัดกระบี่และอำเภอเทพาในฐานะตัวแทนชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า เห็นว่าโรงไฟฟ้านั้นมีความจำเป็น เพราะมีความสำคัญ ได้มีการติดตามข้อมูลอยู่เสมอ ทั้งนี้ ในปี 2507 ได้ สร้างความเจริญแก่พื้นที่เมื่อมีโรงไฟฟ้ากระบี่เกิดขึ้น และมีการสำรวจข้อมูลเชิงประจักษ์ มา 3-4 ปี ยังไม่เคยพบว่ามีคนเสียชีวิตจากการได้รับมลภาวะของโรงไฟฟ้า ในรัศมี 5 กิโลเมตร ชึ่งสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ไม่ได้เลยร้ายตามการอ้างของ NGO

 นายพณวรรธน์ พงศ์ประยูร เลขาเครือข่ายคนเทพาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน  เป็นตัวแทนจากชาวเทพา กล่าวว่า วันนี้ขอย้ำจุดยืนว่าต้องการโรงไฟฟ้าเทพา สำหรับเหตุผลที่ออกมาสนับสนุนครั้งนี้เพราะเมืองเทพาเป็นรอยต่อ จะทำให้เกิดความมั่นคงทางพลังงาน และมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ มีการจ้างงานจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด ที่ผ่านมาเมืองเทพาไม่เคยมี MEGA PROJECT ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ หากมีโรงไฟฟ้าจะทำให้ชีวิตชุมชนดีขึ้น ในวันนี้ เรามีความพร้อมหลายอย่าง คือ 1.ธรรมนูญชุมชน เสริมให้ชุมชนมีความพร้อม 2.แก้ปัญหาความจน จากสถิติประชากร จ.สงขลา คนเทพามีรายได้น้อยที่สุดในจังหวัด การมีโรงไฟฟ้าทำให้มีงานทำ มีการจ้างงาน คนเทพาไม่ต้องไปทำงานไกลถึงประเทศมาเลเชีย  ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวสิ่งที่เครือข่ายเทพาต้องการคือ คือ 1.ขอให้รัฐมนตรียกเลิก MOU 2.ขอให้เดินหน้าการทำ EHIA ท่าเทียบเรือ 3.ขอให้ทำประชาพิจารณ์เฉพาะที่เทพา 4.ขอให้ยกเลิกคณะกรรมการ SEA ที่ไม่ชอบธรรม เพราะกรรมการไม่มีการคัดกรขอแจ้งความต้องการของเครือข่ายเทพา คือ 1.ขอให้รัฐมนตรียกเลิก MOU 2.ขอให้เดินหน้าการทำ EHIA ท่าเทียบเรือ 3.ขอให้ทำประชาพิจารณ์เฉพาะที่เทพา 4.ขอให้ยกเลิกคณะกรรมการ SEA ที่ไม่ชอบธรรม เพราะกรรมการไม่มีการคัดกรอง ไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีความเป็นกลาง

S__58523800.jpg

หลังจากนั้นเวลา 16.00 น.ผู้นำชุมชนจากจังหวัดกระบี่และเทพา พร้อมสหภาพแรงงาน กฟผ. ได้แถลงข่าว แก่สื่อมวลชนอีกครั้ง ณ บริเวณหน้า กฟผ.อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยมีนายไพโรจน์ บุตรเผียน ผู้นำชุมชนรอบโรงไฟฟ้ากระบี่ กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสร้าง รฟ.เทพา และ รฟ.กระบี่ จึงรวมตัวเพื่อทวงถามเรื่องการทำMOU  ที่ไม่ชอบธรรม โดยเรียกร้องให้ ยกเลิก MOU ข้างถนน ภายใน 7 วัน ขอให้ทำประชามติในจังหวัด จ.กระบี่ และอำเภอเทพาเพื่อให้คนกระบี่และคนเทพา ตัดสินใจ ไม่ใช่ NGO และคนนอกพื้นที่เป็นผู้ตัดสินใจแทน ในวันศุกร์หน้า (16 มีนาคม 2561) เมื่อครบ 7วัน ถ้าไม่มีคำตอบจากรัฐบาลชุมชนจะมีการรวมตัวครั้งใหญ่และรุนแรงของชาวกระบี่และเทพาเพื่อขอคำตอบจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และขอขอบคุณ กฟผ. ที่ช่วยเหลือกัน จนเกิดความรักและได้ใจทั้งคนกระบี่และเทพา และขอให้ยกเลิก ขอให้เดินหน้า EHIA โรงไฟฟ้ากระบี่และเทพา เหมือนเดิมขอให้เดินหน้า EIA ท่าเทียบเรือ

นายกิจจา ทองทิพย์ และนายไพโรจน์  บุตรเผียน  ตัวแทนจากเครือข่ายปกป้องสิทธิชุมชน จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการไม่ได้รับความเป็นธรรมของการลงนาม MOU โดย รมว.พลังงาน ก่อนหน้านี้ได้รับการยืนยันให้เดินหน้า EHIA รฟ.กระบี่ และ EIA ท่าเทียบเรือ ชาวบ้านให้ความร่วมมือ และให้ความไว้วางใจ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ รมว.พลังงาน ได้ลงนามที่ไม่เหมาะสม และเหยียบย่ำการจิตใจของประชาชนในพื้นที่กระบี่และเทพาเป็นอย่างยิ่งในฐานะ ผู้แทนของประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายมาตลอด วันนี้ชาวกระบี่และเทพาที่รักความก้าวหน้า ต้องการความมั่นคงทางพลังงาน จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรม และขอให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้องต่อไป

S__58523805.jpgS__58523798.jpgS__58523799.jpgS__58523801.jpgS__58523802.jpgS__58523804.jpg