เอ็นดูคนเช่า เข้าใจเจ้าของ กฎหมายใหม่ห้ามเจ้าของหอพักเก็บค่าน้ำ-ไฟเกินจริง


30 เม.ย. 2561

1 พ.ค.61 เป็นวันเริ่มต้นการบังคับใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับหอพักหรืออพาร์ทเม้นท์ให้เช่า โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญที่เป็นประเด็นข่าวอยู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้แก่ ห้ามเก็บล่วงหน้าเกิน 1เดือน และห้ามเก็บค่าน้ำ ค่าไฟเกินจริง หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี และปรับไม่เกิน 1แสนบาท

29.jpg

ในมุมมองของผู้เช่าตอนแรกเหมือนจะเป็นข่าวดีแต่ที่ไหนได้ไปๆมาๆ ทำท่าจะต้องจ่ายมากกว่าเดิมเสียแล้ว ค่าไปที่เคยมีการเก็บกันอยู่หน่วยละ 8 บาทขึ้นมาเหลือหน่วยละ 5 บาท ค่าน้ำหน่วยละ 18 บาทขึ้นหรือแบบเหมาจ่าย จะลดลงมาเหลือไม่เกินหน่วยละ 13 บาท รวมถึงค่ามัดจำ ค่าประกัน ค่าล่วงหน้าที่มีการเก็บกันมหาโหดและได้คืนยากมากๆ เมื่อถึงเวลาย้ายออก 

เพราะชีวิตมนุษย์ห้องเช่าหากจะเช่าห้องใหม่แต่ละครั้งต้องเตรียมเงินเท่าตัวของของค่าเช่าห้องนั้นๆ เช่น หากค่าเช่าเดือนละ 3,000 ส่วนใหญ่แรกเข้าต้องจ่าอย่างน้อย 6,000 ล่วงหน้า เดือนและค่าประกันอีก 3,000 แต่บางที่ก็แพงกว่านี้ เมื่อเข้าอยู่แล้วก็รู้สึกว่าค่าน้ำค่าไฟสุดแสนจะแพง แต่เท่าที่เจอส่วนใหญ่จะบ่นเรื่องค่าไฟที่ค่อนข้างแพง ห้องเช่าเล็กๆ แต่จ่ายค่าไปสูงกว่าบ้านที่ใช้หม้อตรงจากการไฟฟ้าเป็นเท่าตัว

ในมุมของเจ้าของหอพักบอกว่าค่ำน้ำ ค่าไฟที่เก็บเกินนั้นก็เพื่อนำมาใช้ในค่าไปส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างด้านหน้าตึก บนทางเดิน ระหว่างห้อง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นต้นทุนทั้งนั้น หากให้ลดมาเก็บตามจริงก็อาจต้องมีค่าเช่าเพิ่มเป็นค่าบริหารจัดการส่วนกลางอีก ซึ่งหลายแห่งเริ่มขึ้นป้ายแจ้งผู้เช่ากันไปแล้ว 

อีกอย่างที่เป็นปัญหาปวดใจเจ้าของหอคือการห้ามล๊อคห้องของผู้เช่าที่ค้างค่าเช่า ผู้เช่าที่โดนล๊อคห้องส่วนใหญ่เข้าข่ายเตรียมตัวหนีเพราะค้างค่าเช่ามากกว่า 1 เดือน จึงจำเป็นต้องมีการล๊อกห้อง เพราะลำพังเงินล่วงหน้ากับเงินมัดจำยังไม่เพียงพอกับความเสียหายที่ผู้ให้เช่าได้รับเลย ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเสียโอกาส 

เท่าที่สัมผัสมาห้องเช่าที่ดีก็มีเยอะ ยืดหยุ่นกันได้ ช่วยเหลือกันได้ หากเราอยู่กันแบบถ้อยที่ถ้อยอาศัยก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากฎหมายก็ได้ สังคมดีอยุ่ที่เราทุกคนช่วยกันดูแล